บทความแนะนำ

บทความ ศาสตร์แห่งดวงดาว
หลักการวางเบอร์ขั้นพื้นฐานด้วย "ดาราลัคน์ศาสตร์"
วิธีการคำนวณกำลังดวงดาว
เบอร์มงคล 100% ผลรวมดี ทั้งคู่ ทำไมคนหนึ่งชีวิตดีแต่อีกคนชีวิตแย่?!?!?
ตัวเลขส่งเสริมการเงินและโชคลาภ
กลุ่มส่งเสริมการเงิน ตัวเลขมหาอุจจ์
กลุ่มส่งเเสริมการเงิน มหาจักร
กลุ่มส่งเเสริมการเงินราชาโชค
กลุ่มแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและรายได้
ตัวเลข ปัญหา/อุปสรรค/ศัตรู
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ความรัก และ คู่ครอง
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ลูกค้าและเพื่อนฝูง
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ผู้อุปถัมภ์ ความสำเร็จ และ ความรุ่งเรือง
ตัวเลข วินาสน์ (ล่มสลาย,ฉับพลัน,เปลี่ยนแปลง,ที่ลับ,คนแปลกหน้า)
ประสบการณ์ผู้ที่ใช้เบอร์พลังดวงดาวตามลัคนา และมีเงินซื้อรถ 2 คัน บ้าน 2 หลัง
Case Study : เปลี่ยนเบอร์ตามหลักศาสตร์แห่งดวงดาวแล้วขายที่ดินได้ในราคาสูง
แย่แล้ว !!! เบอร์มังกร (789) ทำฉันเป็นหนี้ !!!!
ว่าไงนะ!!! เบอร์หงส์ (289) พ่นพิษ !!! เสียบ้านที่อุตส่าห์ซื้อมา
เบอร์เสน่ห์ตามหลักเลขศาสตร์ VS เลขการเงินตามศาสตร์แห่งดวงดาว
กำลังดวงดาว 9 หมายถึงอะไร?
เบอร์มงคล 10 หลัก ผลรวมดี ทำไมชีวิตฉันจึงลำบาก!!!

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เพิ่ม Speed ติดปีกให้การเงินด้วยกลุ่มตัวเลขพิเศษประจำราศี



ครั้งนี้มานำเสนอกลุ่มตัวเลขที่ส่งเสริมเรื่องการเงินแบบยาแรงกันบ้างครับ ซึ่งทฤษฎีนี้ผมพึ่งค้นพบไม่นานก็แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่ผมไม่ได้บังคับครับ...

ตัวเลขกลุ่มพวกนี้ ถูกถอดมาโดยวิธี "จลนลัคน์ศาสตร์" และเอามาตรวจสอบกับบุคคลบางคนซึ่งเบอร์เก่าดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำไมชีวิตดีจัง..และทำให้ผมรู้ว่าทำไมตอนผมใช้เบอร์หลักที่ใช้อยู่ประจำทำไมการเงินคล่องกว่า ตอนเปลี่ยนเบอร์หลักเป็นเบอร์ทางการเงินตาม "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" ซึ่งถอดเอาเบอร์ในตารางข้างล่างนี้ออก การเงินติดขัดเลยทีเดียว...

สำหรับตารางนี้คุณจะใช้ราศี หรือ ลัคนาราศีเอามาเทียบก็ได้ แต่ถ้าให้ดีจริงๆคุณควรหาลัคนาราศีมาก่อนเทียบกับตารางนี้... และการดูตัวเลขให้ดูที่ 7 ตัวท้ายนะครับ เช่น 087-xxxxxxx ให้ดูที่ xxxxxxx ถ้าใน xxxxxxx มีตามตารางผมให้สบายใจได้ว่าเบอร์นี้ส่งเสริมเรื่องการเงินแน่นอนครับ การเงินจะคล่องแม้มีหนี้ก็ตาม (ต้องไม่มี เลขสูญเสียเงิน ด้วยนะครับ )

การหาลัคนาราศี ดูได้จากคลิปนี้

พอได้ลัคนาราศีแล้วก็ไปดูว่ามีเบอร์ตามในนี้มั๊ย (กลุ่มตัวเลขในรูปนี้คือกลุ่มตัวเลขมหาอุจจ์)


สำหรับกลุ่มตัวเลขในตารางนี้ผมเชื่อว่าทุกท่านหาได้แน่นอน เพราะ ไม่สวย และ ไม่ดังตามท้องตลาด ทำให้ทุกท่านหาได้ง่ายๆ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ

ปล. อย่าเอาไปใช้กับราศีอื่นที่ไม่ได้ระบุนะครับ ใช้นอกเหนือจากนี้อาจมีโทษมาก และตรวจสอบด้วยว่าประกอบด้วยว่าเป็นเลข อริ หรือ วินาสน์ หรือไม่ ถ้ายังไม่ศึกษาอย่างเชี่ยวชาญแล้วไม่ควรใช้เลขนั้นๆ

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๖ อาถรรพ์สวาท (ว่าด้วยกฎแห่งกรรมที่ละเมิดศีลข้อ 3 )

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๖ อาถรรพ์สวาท


๑) อดีตชาติ เขาเป็นนักบวชในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ได้ประพฤติตนลามกอนาจาร ล่วงศีล เสพเมถุนกับสตรี แต่เป็นการร่วมประเวณีด้วยความรู้เห็นเป็นใจสมยอม หลังจากมรณกรรมเขาย่อมไปรับใช้ผลของกรรมอันลามกของเขาในภูมิต่ำ ครึ่งเปรตครึ่งสัตนรก เมื่อรับโทษทัณฑ์ไปได้มากกว่า ๖๕% ก็มาเกิดเป็นมนุษย์อีก คราวนี้เขากลับมาเกิดเป็นหญิง

ชาตินี้ กลับมาเป็นหญิง แต่เป็นหญิงที่มีอาถรรพณ์ประจำตัว ชายใดได้ร่วมเพศด้วย ชายนั้นจะได้รับส่วนแบ่งแห่งอาถรรพณ์นั้นติดตามมาด้วย เช่น สามีซึมเซาหม่นหมอง ทำมาค้าขายไม่รุ่งเรือง ชายชู้ประสบอุบัติเหตุรถชนตาย

(๒) อดีตชาติ เขาเป็นชายเจ้าชู้ เที่ยวสมสู่กับหญิงทุกคนเมื่อโอกาสอำนวยแล้ว ไม่ยอมรับผิดชอบในการกระทำของตน จะเป็นหญิงมีเจ้าของ หรือหญิงต้องห้าม เขาก็มิได้ละเว้น

ชาตินี้ เขาจึงมีอารมณ์เพศวิปริต มีจิตพิศวาสในเพศเดียวกัน หลงไหลใฝ่ฝันชายอื่น ไม่เอาใจใส่ดูแลคู่ครองของตน

(๓) อดีตชาติ เขาเป็นผู้ร้ายทางกาม เป็นอาชญากรทางเพศ เที่ยวปล้นจี้และข่มขืนชำเรา ฉุดหญิงไปโทรม ด้วยผลกรรมอันนั้นตายแล้วเขาจะถูกคร่าลงไปรับความทุกข์ทรมานในแดนโจร ถูกตัดแขนตัดขา ครั้นรับโทษไปประมาณ ๗๐% ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

ชาตินี้ เป็นคนกามตายด้าน ใจอยากจะร่วมเพศ แต่ร่างกายและอวัยวะเพศไม่เอื้ออำนวย เกิดความกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่ง แล้วระยะต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายท้อแท้

(๔) อดีตชาติ เขาเป็นอำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นพ่อค้ามีอิทธิพล ใช้ความยิ่งใหญ่ ใช้อิทธิพลบีบบังคับหญิงให้มาเป็นภรรยาของเขา ขืนใจหญิงที่ไม่รักตน ให้ยอมรับเป็นนางบำเรอจนได้

หรืออดีตชาติ เขาเป็นนักบวชลามก ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลอกหญิงมาเป็นเพื่อนนอน

ชาตินี้ เกิดมาเป็นกะเทย มีอวัยวะทั้งชายและหญิงรวมอยู่ในตัวคนเดียว ไม่สามารถหาความสุขของเพศใดเพศหนึ่งได้อย่างเต็มที่

(๕) อดีตชาติ บุคคลใดมีทัศนะ มีความเห็นว่า กามารมณ์เป็นใหญ่ ความรักเป็นใหญ่ ยอมละทิ้งหน้าที่ ยอมทำลายความดีงาม เพื่อความรัก เพื่อกามารมณ์ พ่อแม่เจ็บไม่มีเงินให้ค่าพยาบาล ลูกชายเอาเงินไปซื้อของฝากให้คนรัก เหตุการณ์ฉุกเฉิน ภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานต้องอยู่เวรยามระวังเหตุร้าย กลับหลบงาน แวบไปหาความสุขทางกาม

ชาตินี้ อำนาจความเหนี่ยวรั้งใจจะมีน้อย สิ่งแวดล้อมทางกามารมณ์จะมีอิทธิพลครอบงำอย่างรุนแรง ถ้าเกิดเป็นหญิงก็จะมีอาชีพโสเภณี เกิดเป็นชายก็จะเป็นเฒ่าโลกีย์ ทำงานเหงื่อท่วมตัว ก็หาเงินไปทูนหัวให้คู่สวาท ถูกหญิงคราวลูกคราวหลานด่าว่าหยาบคาย

(๖) อดีตชาติ เขาหรือเธอเป็นผู้ไม่สนใจเรื่องทำบุญ บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องของคนแก่คนเฒ่า เป็นเรื่องของสมณชีพราหมณ์ หาใช่ธุระกงการอะไรของตนไม่

--- ครั้นเข้าที่คับขัน ชะตาอับ ไม่มีกินมีใช้ ไม่มีปุถุชนสามัญชนคนใดช่วยเหลือได้ ก็หันหน้าเข้าสู่วัด ขอให้พระสงฆ์ปัดเป่า เรื่องทุกข์ยากลำบากใจให้

--- ญาติพี่น้องคนใกล้ชิดเจ็บป่วยเพราะผีเข้าสิง อาละวาดโครมครามที่บ้านตนเคยดูถูกหมอผี ดูหมิ่นอาจารย์ไสยศาสตร์ ก็จำต้องบากหน้าเข้าไปขอความช่วยเหลือ

--- บริวารประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตาย ก็ต้องเข้ากราบกรานหลวงลุงเจ้าอาวาสวัดใกล้ๆ บริเวณเกิดเหตุ ขอท่านรับเป็นธุระเรื่องศพให้ ความสำนึกในบุญคุณของศาสนา ความเลื่อมใสในบารมีธรรมของนักบวช ความเคารพเชื่อถือในอาจารย์ ปรากฎขึ้นในใจเขาเหมือนตะเกียงที่ถูกจุดสว่างขึ้น ความสว่างไสวเกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยามแล้วหรี่ดับมืดไป เขาตอบแทนน้ำใจผู้มีเมตตาต่อเขา ด้วยของบูชา ด้วยวัตถุทาน ด้วยเครื่องใช้สอย ทำเพียงครั้งสองครั้งแล้วก็หายหน้าไป กลับไปดำเนินชีวิตแบบเดิมอีหรอบเก่านั้นแหละ

อานิสงส์ แห่งการบุญการกุศลที่ทำให้ครั้งคราวเดือดร้อน ในวาระที่เกิดความจำเป็น จะทำให้เขาพบรักกับบุคลที่เขาพึงใจ เป็นความรักแบบ Secret Love ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวคนอื่นจะรู้ เกรงสังคมจะนินทาหญิงเป็นเมียเก็บ ชายเป็นผัวลับ ถึงจะอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องแบ่งภาค ภาคต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเก๊ก เหมือนคนไม่มีอะไรกัน ภาคลับตาคนก็จู๋จี๋กันดี

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๔ พันธนาการชายหญิง (ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันของชายหญิง)

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๔ พันธนาการชายหญิง


(๑) หญิงชายที่แต่งงานแต่งการ อยู่กินกันด้วยฤกษ์สมรสที่ดี โหราจารย์คิดคำนวณวางดวงฤกษ์ และร่วมทำพิธีอย่างถูกต้องจะเริ่มชีวิตคู่ด้วยความหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะรุ่งเรืองก้าวหน้าไปด้วยดี ครั้นไม่สมหวัง ประสบอุปสรรคบ่อยๆ ก็ท้อถอย เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตคู่

ฤกษ์สมรสที่ดี จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๖-๘ เดือน 

(๒) หญิงชายมีความสำราญในการร่วมประเวณีกัน ติดใจในรสกามารมณ์

กามารมณ์ จะมีอำนาจผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๒-๓ ปี 

(๓) หญิงชายที่ได้รับการสนับสนุนจากญาติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นชอบให้ความร่วมมือ จัดตกแต่งอยู่กินด้วยกันแต่หาความภักดีกันได้ยาก เมื่อไปพบหญิงอื่นชายอื่นที่เข้าใจกัน ปรนเปรอความสุข พูดคุยกันด้วยถ้อยคำอ่อนหวานก็จะโน้มเอียงไปในรูปเผลอใจ

ผู้ใหญ่ จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๒-๓ ปี 

(๔) หญิงชายมีความรักต่อกัน รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เงียบเหงาว้าเหว่ คนึงหาเมื่อต้องพรากจากกัน

ความรัก จะผูกพันชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๓-๔ ปี 

(๕) หญิงชาย ถูกหมอไสยศาสตร์ ใช้วิชาอาคม อาถรรพณ์เวทย์ ผูกมัดให้ต้องอยู่ร่วมกัน หญิงชายคู่นั้น จะอยู่ด้วยกันแบบครึ่งหลง ครึ่งเหตุผล เป็นลักษณะภาวะจำยอม อยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นเอง คิดถึงกันเสมอ คิดถึงอย่างรุนแรงไม่อยากพรากกัน แม้จะเป็นจากกันชั่วคราว เพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ก็ตาม

อำนาจของอาถรรพณ์ จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๓-๔ ปี 

(๖) หญิงชายมีรสนิยมตรงกัน ชอบพออาหารอย่างเดียวกัน ชอบที่หลับที่นอน ที่อยู่กินอย่างเดียวกัน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสีฉูดฉาด สีเรียบร้อย หรือสีเข้มขรึม ก็ชอบคล้ายคลึงกัน

รสนิยม จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๕-๖ ปี 

(๗) หญิงหรือชายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นลูกหนี้เงินทอง ลูกหนี้น้ำใจ ลูกหนี้บุญคุณ จึงยินยอมแต่งงานเป็นผัวเมียกัน หญิงชายคู่นั้น จะอยู่กินกันแบบกระทำตามหน้าที่ หน้าที่การงาน ความเรียบร้อยในบ้านไม่บกพร่อง ชีวิตสะดวกสบาย แต่จืดชืด ไม่มีการหยอกล้อยั่วยวนกัน ไม่มีการเสียใจเมื่อต้องจากกัน ไม่มีการดีใจ ลิงโลดใจ เมื่อคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จในบางสิ่งบางอย่าง

ความเป็นลูกหนี้ จะผูกมัดชายหญิงนั้นไว้นานกำหนดไม่ได้แน่นอน อาจจะประมาณ ๗-๙ ปี อาจจะแยกจากกัน เพราะฝ่ายหนึ่งบวช หรือต้องติดตามไปอยู่ดูแลบ้านให้ลูกหลานคนใดคนหนึ่ง

(๘) หญิงชายเคยเป็นคนบาดหมาง ทะเลาะวิวาทกันมาแต่ชาติปางก่อน ตั้งความปรารถนาที่ลบล้างกัน หาโอกาสแก้แค้นกัน แต่หาโอกาสได้ยาก ต้องตายจากกันเสียก่อน เกิดมาชาตินี้เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน ทำลายกัน ล้างผลาญกันไม่หยุดหย่อนก็แยกจากกันไม่ได้

แรงพยาบาทหรือเวร จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้นาน ๘-๑๐ ปี

(๙) หญิงชายเคยเป็นสามีภรรยา เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาแต่ชาติปางก่อน พบกันชาตินี้ เห็นกันก็รักใคร่สนิทสนมกัน ทำอะไรผิดหูผิดตาก็ให้อภัยกัน ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกัน จะทำงานอะไรก็ปรึกษาหารือกัน ขอความเห็น ขออนุญาต

บุพเพสันนิวาส จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้นาน ๑๐-๑๒ ปี 

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๕ ตรวจสอบอาถรรพณ์ (ตรวจสอบกรรมพื้นฐาน)

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๕ ตรวจสอบอาถรรพณ์

(๑) พิชิตเป็นสามี ทรายทองเป็นภรรยา พิชิตดำเนินกิจการไปโดยลำพังตนเองแล้วล้มเหลว ถ้าได้ทรายทองมาช่วย ปรึกษาให้คำแนะนำ กิจการนั้นก็เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าขึ้นได้อีก แสดงว่า ทรายทองเป็นคู่อุปถัมภ์ของพิชิต เขาขาดเธอไม่ได้

อดีตชาติ ในการทำบุญประกอบการกุศลทุกอย่าง ทรายทองเป็นผู้จัดเตรียมวัตถุทาน และอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่พิชิต 

(๒) วสีเป็นเพื่อนรักใคร่กับประจักษ์ เที่ยวเตร่ ดื่มสุรา กินอาหารด้วยกันเสมอ วสีจึงชวนประจักษ์ให้ร่วมประกอบการค้าทำด้วยกันไม่นาน ก็มีอุปสรรค ต้องเลิกกิจการ

อดีตชาติ วสีและประจักษ์เป็นเพื่อนรักกัน ได้ร่วมกันทำบาป 

(๓) อำนาจเป็นสามี แก้วตาเป็นภรรยา อำนาจดำเนินกิจการงานตามลำพัง หรือร่วมกับเพื่อนฝูง งานการก็ก้าวหน้าเป็นลำดับ ครั้นนำเอาแก้วตาเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานอาชีพ ทั้งๆ ที่แก้วตาก็ช่วยเหลือการงานเป็นอย่างดี กิจการก็กลับยุ่งยากสับสน ลูกค้าขาดความนิยม แสดงว่าแก้วตาเป็นผู้ล้างผลาญ เป็นคู่ขัดขวางของอำนาจในอดีตชาติ

อดีตชาติ อำนาจเคยเป็นหนี้สิน เคยกลั่นแกล้งเอาเปรียบแก้วตา แก้วตาผูกใจเจ็บ คิดร้ายต่ออำนาจ กายหยาบเป็นสามีภรรยากัน กายทิพย์คิดทำลายล้างกัน 

(๔) ในชีวิตประจำวัน ยุทธนามีความสะดวกสบายพอประมาณ แต่ขณะเดียวกัน ต้องอยู่กินร่วมกันญาติพี่น้องที่ตนเกลียดชัง ทำงานร่วมกับบุคคลที่ตนไม่ชอบหน้า จะหลบหนีไปไหนก็ไม่พ้น ต้องทนทรมานหวานอมขมกลืนอยู่ตลอดเวลา

อดีตชาติ ยุทธนาเลี้ยงสัตว์ขังกรง ปรนเปรอข้าวน้ำอาหาร ให้ความสุขเป็นอย่างดี แต่เป็นความสุขของสัตว์ในทัศนะของยุทธนา ยุทธนาไม่ยอมให้สัตว์แสวงหาความสุขโดยเสรีของตนเอง 

(๕) ในชีวิตประจำวัน สิรินทร์ได้อยู่กินกับคนที่ตนรัก คนที่ตนเคารพบูชา นิยมเลื่อมใส แต่บุคคลนั้นเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป ทำให้สิรินทร์เดือดร้อน ยุ่งยาก ทุกข์ทรมานใจ

อดีตชาติ สิรินทร์เลี้ยงสัตว์ (หรือเลี้ยงคน) แล้วปล่อยให้สัตว์นั้นเที่ยวระราน ทำความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนบ้าน ญาติสนิท มิตรสหาย สิรินทร์ไม่ควบคุมดูแลสัตว์นั้น เอาอกเอาใจให้ความสุขแก่สัตว์นั้นๆ ในทางที่ไม่สมควร

(๖) บุคคลบางคนมีกินมีใช้ สุขสบายพอประมาณอยู่ตลอดเวลา ครั้นเก็บเงินเก็บทองเพื่อเลื่อนฐานะความเป็นอยู่ของตน ก็มีเหตุเภทภัย ทำให้ต้องจ่ายเงินที่เก็บออมไว้ เป็นอย่างนี้ทุกหนทุกครั้ง แสดงว่า

--- บุคคลนั้นเป็นเทพจุติจากสวรรค์ ลงมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ เมื่อครั้งเป็นเทพ ได้ประพฤติตนผิดพลาดบางอย่าง ทำให้เทพเจ้าผู้ปกครองโลกทิพย์แห่งนั้นลงโทษ ภาวะเช่นนี้เรียก สวรรค์สาป

--- บางคนหาเงินได้ไม่เกิน ๗๐๐ บาท (พ.ศ. ๒๕๑๔) ได้เกินกว่านั้นเมื่อใด ลูกต้องเจ็บ เมียต้องป่วย ทุกหนทุกที

--- หญิงบางคนมีเสน่ห์ในตัวมาก ผู้ชายมารุมตอมรักใคร่ชอบพอ ครั้นหญิงคนนั้นมีจิตพิศวาสรับรักชายคนใดคนหนึ่ง กลับมีเรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย

--- บุคคลบางคนมีอาการแพ้ต่อวัตถุสิ่งของบางอย่าง ที่คนทั่วไปเขาไม่แพ้กัน สวรรค์สาป จะบันดาลให้มนุษย์ได้รับความสุขอย่างมีขีดจำกัด ภายในขอบเขต ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่แน่นอนอย่างใดอย่างหนึ่ง

(๗) ทุกครั้งที่พันธุมาศได้รับโชคดี ประสบความสำเร็จบางอย่าง จะต้องมีความอึดอัดใจ ไม่สบายใจติดตามมาด้วยเสมอ ได้คู่ครองเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย เขาก็นำเอาญาติพี่น้องห่ามๆ ของเขามาอยู่ด้วย กว่าจะปลีกตัวหาโอกาสไปเที่ยว บ้านพักชายทะเลก็แสนยาก ครั้นได้ไปจริงๆ ก็ต้องร่วมไปกับเพื่อนของสามีที่ตนไม่ชอบหน้า เกิดอารมณ์ม่วนฝืดๆ สนุกฝาดๆ

อดีตชาติ พันธุมาศเป็นนักรีด นักไถตัวยง แต่เป็นการรีดไถเพื่อสมาคม เพื่อมูลนิธิ เพื่อการกุศล 

(๘) สุรชัยรับราชการไต่เต้าแต่เสมียนจนกระทั่งถึงอธิบดี งานการก้าวหน้าเป็นลำดับมา เมื่อเป็นประจำแผนก ก็มีคนรักใคร่ชอบพอ เมื่อเป็นหัวหน้าแผนก งานการก็เรียบร้อย เมื่อเป็นหัวหน้ากอง ก็ได้สร้างสรรค์ขยายงานในกองให้ก้าวหน้ากว้างขวางยิ่งขึ้น เมื่อเป็นรองอธิบดี ผู้ใหญ่ก็โปรดปรานช่วยเหลืองบประมาณ เสนอขอทำอะไรก็ได้ทำ ได้ทำสมใจ ครั้นได้ตำแหน่งอธิบดี กลับมีเรื่องยุ่งยากเดือดร้อนเกิดขึ้น ข้าราชการผู้น้อยกระด้างกระเดื่อง มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับปลัดกระทรวง ท่านรัฐมนตรีก็ลำเอียงไม่ให้ความเป็นธรรม เหตุการณ์บีบคั้นให้สุรชัยลาออกจากราชการแสดงว่า

สุรชัยมีความรู้ความสามารถ แต่ขาดขาดบุญบารมี บุญไม่ถึงตำแหน่งอธิบดี เมื่อต้องรับตำแหน่งที่เกินกว่าบุญกุศลในอดีตชาติจะรองรับได้ ก็เกิดเหตุยุ่งยากขึ้น 

(๙) เมื่อปรารถนาทำบาป ต้องการให้ความฉิบหายบังเกิดแก่ผู้อื่น ก็หาอุบายบีบบังคับให้บริวาร ผู้ที่มิรู้เท่าถึงการณ์นั้น ทำบาปนั้นแทนตน

--- คุณยายปรารถนาจะกินไข่ต้ม ก็บอกกล่าวเป็นนัยแก่ลูกสะใภ้ว่า อยากได้มะกอกเผือก

--- ซื้อปลาเป็นจากตลาดมาขังไว้ ทำเป็นลืมใส่น้ำ ปล่อยให้ปลาตาย แล้วเอามาทำอาหารกิน สบายใจว่าตัวเองมิได้ฆ่าปลา ปลาตายเอง

--- เพื่อนบ้านเลี้ยงไก่ ได้เข้ามาคุ้ยเขี่ยหาอาหารในบ้านของตน ก็ปล่อยหมาไล่ขย้ำไก่ ฉวยเอาไก่นั้นมาต้มยำกิน

กรรมชั่วที่ทำด้วยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงเช่นนี้ จะมีผลทำให้ผู้กระทำกรรม ประสบเคราะห์ร้ายที่มีความเป็นมาอย่างลึกลับซับซ้อน เจ็บป่วยด้วยโรคที่หมอวินิจฉัยยาก รักษาเยียวยายาก กว่าจะรู้ตัวอาการของโรคก็รุนแรงแล้ว 

(๑๐) มีโชคลาภแล้วประสบเคราะห์

อดีตชาติ 

--- เขาเคยฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าเป็ดไก่ ฯลฯ ทำอาหาร แล้วน้อมถวายแก่สมณพราหมณ์ด้วยความเคารพเลื่อมใส

--- เขาเคยปล้นชิงทรัพย์สมบัติของประชาราษฎร แล้วแบ่งปันทรัพย์สมบัตินี้ ไปสร้างถาวรวัตถุไว้ในศาสนา สร้างสิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติ

--- เขาแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง ด้วยการเบียดเบียนล้างผลาญคู่แข่งขัน ครั้นร่ำรวยแล้วก็ใช้ทรัพย์นั้นบำรุงเลี้ยงบิดามารดา ผู้มีพระคุณตลอดจนบริวารชน

หลังจากรับใช้ผลกรรมในอบายภูมิมาพอสมควรแล้ว ก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ด้วยผลกรรมที่ยังตกค้างอยู่ ทุกครั้งที่เขาประสบโชค ได้เงินได้ทอง ได้ทรัพย์สมบัติ จะต้องมีเรื่องเดือดร้อนติดตามมาด้วยเสมอ เช่น

--- ถูกสลากกินแบ่งรางวัลใหญ่ แล้วเลี้ยงฉลอง ดื่มสุราเมามายขับรถไปชนต้นไม้

--- ได้เมียร่ำรวยอยู่กินด้วยกันอย่างมีความสุข เมียประสบอุบัติเหตุ ตายต่อหน้าต่อตา เขาได้รับมรดกของเมีย คือได้ทรัพย์ เพราะเสียเมีย

--- เล่นการพนันชนะได้เงินก้อนใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานต้องสูญเสียลูกชายสุดที่รักไป

(๑๑) โชคลาภจากความขัดข้อง

อดีตชาติ 

--- เขาเป็นนายช่าง ชอบดัดแปลงของที่ใช้ไม่ได้ ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ เขามีน้ำใจ ชอบรับอาสาทำให้เพื่อนบ้านและคนรู้จักเสมอ แก้ไขใช้การได้ ก็ส่งคืนเจ้าของ

--- เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ ช่วยแนะนำให้เพื่อนฝูงใช้เครื่องมือ ของใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ในแนวทางแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นประโยชน์กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยน้ำใจอันดี แนะนำประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง แม้จะไม่ทำบุญ ทำทานอื่นๆ มาในชาตินี้ เขาจึงมักได้โชคลาภอันเกิดจากข้อขัดข้องของคนอื่น

--- ชายหนุ่มเตรียมของให้คนรัก ไปพบเห็นคนรักควงกับชายอื่น ช้ำหัวใจ จึงชวนเราไปเที่ยวหัวหกก้นขวิดด้วยกัน

--- เพื่อนบ้านซื้อบัตรชมภาพยนตร์การกุศลไว้ ไม่มีโอกาสได้ไป เพราะคืนนั้นลูกชายป่วยกะทันหัน จึงมอบบัตรให้เราไปชมแทน

--- คุณหลวงไปนอก ซื้อเสื้อกันหนาวฝากหลานชาย เสื้อเล็กไปหลานชายใส่ไม่ได้ จึงขายให้เราเท่าทุน ถูกกว่าราคาตามท้องตลาด ๖๐%


ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๓ เหตุใดน้ำผึ้งขม (ว่าด้วยความรัก)

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๓ เหตุใดน้ำผึ้งขม


(๑) อดีตชาติ เขาเคยยุยงสามีภรรยาคู่อื่นๆ ให้แตกแยกกัน ให้บาดหมางระแวงสงสัยกัน

ชาตินี้ เขาจึงพบกับความรักที่เต็มไปด้วยความหึงหวง ไม่ไว้วางใจคู่รักคู่ครอง อาจมีเรื่องต้องแยกทางกันด้วยความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แล้วไม่ยอมปรับความเข้าใจกัน

(๒) อดีตชาติ เขาและเธอเคยร่วมกันล่าสัตว์ จับสัตว์มาฆ่าเป็นอาหาร หรือจับสัตว์ขาย ทำให้สัตว์นั้นต้องแตกแยกกัน ญาติพี่น้องหมู่ฝูงของมันมาอยู่ในที่จำกัด

ชาตินี้ เขาและเธอต้องล้มหายตายจากกัน หรือแยกทางกันเดิน ตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว อยู่กินด้วยกันไม่นาน

(๓) อดีตชาติ เขาและเธอ มีจิตใจประกอบด้วยกุศลและอกุศล แตกต่างกันมากมาย เธอประกอบแต่กรรมดี เขาเฉยๆ เรื่อยๆ สุดแท้แต่เธอจะจัดทำ เขาไม่ขัดขวาง ไม่สนับสนุนแต่ประการใด

ชาตินี้ เขาและเธอมาเป็นสามีภรรยากันอีก หญิงจะมีบุญบารมีเหนือกว่าชาย โภคทรัพย์ ความสุขภายในบ้าน สุดแท้แต่หญิงจะบันดาลสร้างสรรขึ้นมา สามีเป็นช้างเท้าหลัง ไร้เกียรติ ไร้อำนาจ เป็นคนจ๋อง เป็นคนเศร้าซึม ไม่มีสง่าราศีในที่ชุมชน ชีวิตภายนอกมีความสุข แต่ชีวิตภายในต้องขมขื่น น้อยเนื้อต่ำใจ

(๔) อดีตชาติ หญิงเคยเบียดเบียนชาย โขกสับ วางอำนาจเหนือ ไม่ให้ความเคารพ ดูถูกดูหมิ่นสารพัดจะทำด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ชายแอบไปประกอบการบุญการกุศลตามลำพัง อธิษฐานขอให้พ้นจากบ่วงกรรม อย่าต้องได้ร่วมภพ ร่วมชาติกับหญิงนั้นอีก

ชาตินี้ หญิงนั้นจะถูกชายอีกรายหนึ่ง ย่ำยีหัวใจ เอาเปรียบทารุน โหดร้าย มีสามีเป็นแมงดา

(๕) อดีตชาติ หญิงชายเคยเป็นสามีภรรยากัน รักใคร่สนิทสนมกันดี ช่วยกันดี ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวเป็นหลักฐาน แต่หญิงชายคู่นั้น ไม่ระลึกนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณต่อตน ทำเฉยเมย ไม่แยแส ทอดทิ้งพ่อแม่ยามชรา

ชาตินี้ หญิงชายคู่นั้นก็กลับมาเกิดเป็นผัวเมียกันอีก รักกันซาบซึ้งตรึงใจ อุปสรรคในด้านความรักไม่มี มีแต่อุปสรรคในการดำรงชีพ ต้องผจญกับข้อขัดข้อร้อยแปดพันประการ ทำไร่ทำนา ก็ต้องเจอดินฟ้าอากาศวิปริต ฝนแล้ง น้ำท่วม โรคระบาด ประกอบการค้าก็พบแต่เจ้าหนี้หน้าเลือด ลูกหนี้เบี้ยว สินค้ามาไม่ทัน สินค้าต้องเน่าเสียหาย ถูกไฟไหม้ ถูกลัก ถูกขโมย การทอดทิ้ง ละเลย เพิกเฉยผู้มีพระคุณ เป็นผลร้ายอันรุนแรง สนองตอบในรูปแบบฟ้าดินลงโทษ

(๖) อดีตชาติ หญิงชายเคยร่วมกันคดโกงญาติพี่น้องหรือหุ้นส่วน เอาเปรียบ ทำทารุณกรรมทางร่างกายและจิตใจ หลอกใช้งานแล้วไม่ให้ผลประโยชน์ตอบแทน

ชาตินี้ จะทำให้สามีภรรยาคู่นั้นต้องไร้ญาติ ขาดมิตร ว้าเหว่เพราะไกลญาติ ได้รับความเดือดร้อนจากสังคมที่ตนเองเกี่ยวข้องด้วย ทรัพย์สินถูกลักขโมย หรือประสบความวิบัติจากน้ำ ไฟ สัตว์เลี้ยง

(๗) อดีตชาติ หญิงเคยทำบุญ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยดอกไม้แห้ง ดอกไม้เฉา ถวายสมณพราหมณ์ด้วยอาหารแห้ง อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง หรืออาหารที่ทิ้งไว้นานจนชืด สงเคราะห์บริวารด้วยของเหลือเดิน ซึ่งจวนจะใช้การไม่ได้แล้ว

ชาตินี้ จะได้พบคู่ครองเป็นคนแก่ คนสูงอายุ มีผิวพรรณเหี่ยวย่น หรือได้สามีพ่อม่ายพ่อร้าง

(๘) อดีตชาติ หญิงสาวหลบเลี่ยงไม่ยอมทำบุญทำทานให้แก่สมณพราหมณ์ ซึ่งตั้งสำนักอยู่ใกล้บ้าน กลับนิยมชมชอบ เดินทางท่องเที่ยว ไปบำเพ็ญกุศลในที่ห่างไกล ในดินแดนต่างชาติต่างภาษา

ชาตินี้ จะได้พบคู่ครองเป็นคนต่างชาติ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เหมือนกัน

(๙) อดีตชาติ เธอเขาเป็นสามีภรรยากัน มีชายร่ำรวยมาลุ่มหลง ถูกอกถูกใจในภรรยา สามีภรรยาคู่นั้นประสงค์จะได้ทรัพย์สิ่งของ จึงร่วมโกหกให้ชายนั้นเข้าใจผิดคิดว่า เขาเธอเป็นพี่ชายน้องสาวกัน

ชาตินี้ ผัวเมียที่ร่วมกันหลอกลวงชายอื่น โดยเอาความรักความพิศวาสเป็นเหยื่อล่อเช่นนี้ เกิดภพใหม่ชาติใหม่ จะได้รับผลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน คือ

--- กลับมาเป็นสามีภรรยากันอีก ถูกคนอื่นต้มตุ๋นเอาเงินทอง

--- ทั้งสองฝ่ายมีครอบครัวแล้ว มาพบกันภายหลัง ก็รักชอบพอกันอีก เกิดภาวะรักซ้อนขึ้นในใจ
--- ฝ่ายหญิงมีพันธะมาแล้ว พบชายภายหลัง รักชายมากกว่าคู่หมั้นคู่ครองของตัว

--- ฝ่ายชายมีเมียร่ำรวยมาแล้ว บุญคุณของเมียค้ำคออยู่ เกิดเรื่องพิศวาสรักใคร่อย่างจริงจังกับหญิงอีกคนหนึ่ง จะทิ้งเมียเก่าก็เสียดายทรัพย์ เสียดายความสุขสบาย จะพรากจากเมียใหม่ ก็เหมือนหนึ่งจะบดหัวใจให้เป็นแผล

(๑๐) อดีตชาติ เขาชอบขัดขวางทางรักของคนอื่น ด้วยการหลอกลวงสร้างหลักฐานพยานเท็จ ให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดว่า หญิงสาวที่ชายหนุ่มชอบพอนั้น เป็นคนเลวร้าย มีโรคติดต่อร้ายแรง หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาดำเนินกิจการต่างๆ จนกระทั่งคนรักกัน กลายเป็นคนเกลียดชังกัน คิดร้ายต่อกัน

อดีตชาติ เขาหลงรักหญิงที่มีคู่รักคู่ใคร่ เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เขาเพียรพยายามที่จะพรากหญิงนั้นมาเป็นของตน หญิงก็ไม่ยินยอม คงยึดมั่นในรักเก่าอย่างเหนียวแน่นมั่นคง เขาแสนแค้น จึงใช้พละกำลังหักหาญ ข่มขื่นชำเราหญิงนั้น หรือใช้น้ำกรดสาดหน้า ให้หญิงนั้นบาดเจ็บเสียโฉม

หลังจากชดใช้กรรมในอบายภูมิมาพอสมควร เขาก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มาในชาตินี้

ชาตินี้ 

--- เขาหลงรักหญิงใจทราม หรือติดใจในรสสวาทของนางบำเรอ เก็บตกเอาหญิงขายตัวจากซ่องโสเภณีมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ พลาดโอกาสที่จะได้คนดีมาเป็นศรีแก่ชีวิต

--- เขาต้องผจญภัย ฝ่าฟันอุปสรรค นานาประการเพื่อหญิงที่เขารัก ครั้นได้อยู่กินด้วยกันจริงๆ หญิงนั้นก็กลับเป็นเหตุให้เขา ต้องเดือดร้อนอยู่ร่ำไป เป็นหญิงที่ไม่มีคุณค่า ไม่มีความดีอันควรแก่การเทิดทูนบูชาแม้แต่น้อย

--- เขาได้คนรูปชั่วตัวดำ น่าเกลียดน่ากลัวเป็นคู่สวาท เขาได้หญิงที่ร่างกายพิกลพิการเป็นคู่ครอง (พิการโดยกำเนิด หรือพิการโดยอุบัติเหตุ วิบัติในภายหลัง)

(๑๑) อดีตชาติ เขาเป็นพ่อสื่อ ชักนำหญิงมาเป็นภรรยาน้อยของเพื่อนชาย เรียกร้องเอาผลประโยชน์จากหญิงชายคู่นั้นมากเกินควรหลอกล่อด้วยคำเท็จต่างๆ เพื่อเอาทรัพย์

ชาตินี้ เขาไปหลงรักหญิงมีสามีแล้ว "เสียตังค์บ่ดาย บ่ได้แอ้ม" (หมดเงิน เสียเวลา เปลืองหัวใจ ไม่ได้แอ้ม)

(๑๒) อดีตชาติ เขาเป็นพ่อสื่อประเภทต้มมนุษย์ หลอกลวงให้เพื่อนชายหลงไหลในหญิงคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่หญิงคนนั้นมิได้รู้เห็นอะไรด้วยเลย ก็ทำหลักฐานเท็จปลอมจดหมายให้เพื่อนชายหลงผิด จ่ายเงินซื้อสิ่งของต่างๆ ให้ แล้วเขา (นักต้มมนุษย์) ก็เอาไปทำประโยชน์ส่วนตัว

ชาตินี้ เขาจึงเป็น ไอ้งั่ง หลงรักผู้หญิงใจแข็ง ทุ่มเทเงินทอง ซื้อข้าวซื้อของให้หญิงนั้น หญิงก็หามีไมตรีตอบไม่

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๒ เหตุทำดีไม่ได้ดี

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๒ เหตุทำดีไม่ได้ดี


ถ้ามีความรู้สึกว่าทำดีไม่ได้ดี จะต้องพิจารณาดูว่า ได้มีความชั่ว หรือสิ่งไม่ดีไม่งามบางอย่างแทรกซ้อนปะปนอยู่ในการทำความดีนั้นหรือไม่

(๑) ทำดีกับคนเลว กับคนเนรคุณ ได้ผลดีน้อยมาก หรือไม่ได้เลย
ทำดีกับคนดี ได้ผลของความดีมากมาย

(๒) ขยัน ในจังหวะที่คนหมู่มากขยันขันแข็ง ความขยันจะช่วยพยุงตัวเองไว้ ไม่ให้น้อยหน้าใคร ขยันหมั่นเพียรในเวลาที่คนส่วนใหญ่เกียจคร้าน ความขยันจะช่วยผลักดันให้ตัวเองสูงส่ง

(๓) ตัวเองทำดีเสมอ แต่ขณะเดียวกันก็ขัดขวางความดีของผู้น้อย หรือกันท่าไม่ให้เพื่อนฝูงทำดี

ผลกรรม 

--- การเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งแต่ละครั้ง มีคนคอยขัดขวาง หรือมีคนอื่นตัดหน้าแซงคิวไปก่อนเสมอ

(๔) ตัวเองทำความดีเสมอ แต่โอกาสเดียวกันก็ทำความชั่วไปด้วย คือ ความดีมีความชั่วเป็นตัวถ่วง ผลของกรรมดีจึงชักช้า หรือผลของกรรมดีมีความทุกข์แทรกซ้อนปะปนไปด้วย

(๕) ตัวเองทำความดีเสมอ แต่ไม่ห้ามปรามบริวาร คนข้างเคียงทำความชั่ว ปล่อยให้คนในบังคับบัญชาทำความผิด ทำบาปโดยไม่ตักเตือนท้วงติง ความดีจะสนองตอบผู้กระทำด้วยทรัพย์สมบัติ ด้วยตำแหน่งหน้าที่การทำงาน แต่สิ่งที่ได้มา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเท่าที่ควร กลับเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ ได้รถประจำตำแหน่ง น้องเมียเอาไปใช้ มีคนรบกวนหยิบยืมของใช้ หรือสมบัติส่วนตัว

(๖) ตนเองประพฤติดี ประพฤติชอบเสมอ แต่ริษยากลัวคนอื่นจะได้ความดีเท่าเทียมตัว หรือมากกว่าตัว จึงกลั่นแกล้งหน่วงเหนี่ยวผลงานของคนอื่นไว้ รีบเสนอแต่ความดีของตนไปก่อน

--- ความริษยาจะทำให้ผลของความดีของตนเองสนองตอบช้า ขัดข้องด้วยระเบียบข้อบังคับ ล่าช้า เพราะดินฟ้าอากาศ

--- เงินเดือนเต็มขั้นนานแล้ว ยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ต้องรอต่อไป เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง

--- ผู้ใหญ่ที่จะช่วยเหลือสนับสนุน เอาหลักฐานสำคัญไปทำหาย

--- ร่มโพธิ์ร่มไทรของตนเอง ล้มหายตายจาก ไม่ทันได้อุ้มชู้เลี้ยงดูกันอย่างเต็มที่

(๗) ตนเองทำความดีอย่างสม่ำเสมอ แต่หวั่นเกรงว่า คนอื่นจะได้ดีเท่าเทียมตนหรือเหนือกว่าตน จึงได้พยายามยุยงให้คนอื่นทำความชั่ว สนับสนุนให้คนอื่นทำความผิด เพื่อว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตนเองจะได้เป็นคนดี เด่นอย่างไม่มีผู้แข่งขัน

ผลกรรม 

--- ความดีของเขาจะปรากฎว่า มีผู้ใส่ร้าย มีผู้โจมตีให้เสียหาย กว่าจะมีผู้รู้เห็นความดีของตนเอง ก็ต้องมีคดี มีข้อพิพาทมากมาย

--- มีความยุ่งยาก มีข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ เช่น ลูกน้องขับรถไปชนคนบาดเจ็บ บริวารไปกู้หนี้ยืมสินแล้วหนี ทิ้งหนี้ไว้

(๘) ตนเองเป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เห็นผู้อื่นซึ่งทำงานน้อยกว่าตน กลับได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงส่งกว่าตนเอง ประสงค์จะได้ดีมีอำนาจเช่นคนอื่นบ้าง จึงคอยจับผิด เพ่งโทษผู้ที่อยู่เหนือกว่าตน รายงานลับฟ้องร้องไปยังผู้บังคับบัญชา

ผลกรรม 

--- ทุกครั้งทุกหนที่ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงเด่นขึ้น จะปรากฎว่าน้ำใจจากผู้ร่วมงานลดน้อยถอยลงไป เกิดความระแวงแคลงใจ อยู่ไม่เป็นสุข ยิ่งทำงานนาน ตำแหน่งก็สูงขึ้น แต่เพื่อนฝูง คนรักคนชอบพอลดน้อยลงไป คือ ได้ความเจริญก้าวหน้า แต่สูญเสียมิตรภาพ

(๙) ในการทำบุญทำกุศลทุกครั้ง เขามักจะบีบบังคับให้เพื่อนฝูงหรือบริวารชน ตระเตรียมงานบุญนั้นแทนตน คือ ทำบุญคราวใดต้องเดือดร้อนคนข้างเคียงเสมอ

ผลกรรม 

--- ทุกครั้งที่ตนมีโชคลาภ หรือได้รับผลประโยชน์ จะต้องมีเหตุการณ์ทำให้โชคลาภนั้นหมดสิ้นไปโดยเร็ว รับเงินทอง เข้าบ้านมาวันนี้ พรุ่งนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่งเข้าบ้านมาขอยืมเงิน

(๑๐) ในอดีตชาติ - เขาชอบเลี้ยงสัตว์ขังกรง ปรนเปรอให้ข้าวน้ำอาหารเป็นอย่างดี

--- เขาชอบหน่วงเหนี่ยวควบคุมบริวารชนไว้ไม่ยอมให้ออกไปท่องเที่ยว แม้ปัจจุบัน เขาจะประกอบกุศลกรรมมากมายหลายอย่าง ผลของกรรมดีก็จะตอบแทนเขาอย่างอึดอัดรำคาญใจ หรือไม่สบายใจนัก

--- เป็นครูสอนที่จังหวัดเชียงใหม่ งานการก้าวหน้าตามลำดับ จนกระทั่งได้เป็นผู้ช่วยครูใหญ่ งานก็หยุดชะงัก อยากได้ตำแหน่งครูใหญ่ ก็จะต้องย้ายไปอยู่ในจังหวัดที่แห้งแล้ง

ผลกรรม 

--- ของการเลี้ยงสัตว์ขังกรง จะผูกมัดตัวของผู้กระทำเข้าไว้กับสถานที่หรือเหตุการณ์ จะออกจากบ้านไปเที่ยวเตร่ ก็ไม่มีใครอยู่ดูแลบ้าน จะทอดทิ้งงานเพื่อไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ก็หาคนรับงานแทนไม่ได้ เลี้ยงกล้วยไม้ไว้เป็นงานอดิเรก กล้วยไม้กำลังอยู่ในระยะเอาใจใส่ดูแล ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปต่างจังหวัด

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๑ ทำไมบางคนทำงานน้อย แต่ได้ผลมาก

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๑  ทำไมบางคนทำงานน้อย แต่ได้ผลมาก

(๑) คนบางคนทำงานรวดเร็ว รีบด่วน งานเสร็จหลายชิ้นหลายอัน ในช่วงเวลาอันสั้น แต่ขณะที่เขาทำงานนั้น เขามุ่งแต่เฉพาะงานของเขา ไม่คำนึงว่าการกระทำของตนจะขัดขวางผลประโยชน์ วิถีการทำงานของคนอื่นหรือไม่ เช่น

--- ปัดกวาดหยากไย่ให้เสร็จ ไม่พิจารณาว่าฝุ่นจะตกบนหัวใคร
--- ล้างถ้วยชามให้เสร็จ ไม่ว่าใครจะรอใช้อ่างล้างมือหรือไม่

การเห็นแก่ธุระของตนก่อน ของคนอื่นทีหลัง ด้วยการฝึกฝนตนเองเช่นนี้ เกิดในภพใดชาติใด จะเป็นคนเร่าร้อน อยู่ไม่เป็นสุข ทำงานมากแต่ได้ผลงานน้อย ทำงานได้ผลงานขาดตกบกพร่องเสมอ

(๒) คนบางคนทำงานอย่างช้าๆ นิ่มนวล คำนึงถึงผลงานของตนและผลงานของคนอื่นพร้อมกันไปด้วย ถ้างานของตนจะช้าไปบ้างเพื่อความดีงาม เพื่อสุขภาพจิต หรือเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนฝูงคนข้างเคียง ก็ยินดีรอ เช่น

--- จะปัดกวาดหยากไย่ ก็ขออนุญาตบอกกล่าวให้ผู้อื่นลุกหนีเสียก่อน
--- ใช้ห้องน้ำห้องส้วม เมื่อเห็นว่ายังมีคนรอก็เร่งธุระ ถ่ายอุจจาระ แล้วออกมาล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก

ด้วยผลกรรมอันกระทำมาในอดีตชาติ เกิดมาในภพนี้จึงเป็นคนโชคดี ทำงานน้อยได้ผลมาก ในสายตาคนอื่นอาจจะเห็นว่าเขาเกียจคร้าน แต่เขาก็สามารถผลิตผลงานออกมาไม่น้อยหน้าผู้ใด 

(๓) --- "พันธ์ทิพย์" มีบริวาร คนรับใช้ ทำงานดี ซื่อสัตย์ พันธ์ทิพย์สำนึกในบุญคุณ จึงจ่ายเงินให้ข้าวของเป็นพิเศษ นอกเหนือจากเงินค่าจ้างตามสัญญา เอาใจใส่ดูแลลูกน้องยามเจ็บไข้ได้ป่วย พันธ์ทิพย์มีโอกาสทำบุญทางศาสนาไม่บ่อยครั้งนัก

--- "บัวลอย" ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพันธ์ทิพย์ ก็มีคนรับใช้และบริวารที่มีความสามารถและซื่อสัตย์ ไม่แพ้ลูกน้องพันธ์ทิพย์ แต่บัวลอยไม่เอาใจใส่ดูแลให้สวัสดิการแก่คนรับใช้เลย จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาเท่านั้นเอง บัวลอยชอบไปทำบุญทำกุศลที่วัดเป็นประจำ

อานิสงส์ต่างกัน 

--- พันธ์ทิพย์จะสามารถทำงานได้ผลสำเร็จด้วยทุนอันน้อย ประกอบการค้าได้กำไรงดงาม
--- บัวลอย จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน และที่ทำงานมากกว่าของพันธ์ทิพย์ แต่ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือได้น้อย ใช้ไม่เป็น ทำงานมากได้กำไรน้อย เพราะเงินค่าดำเนินงานสูง

คนที่ทำบุญได้ผลดี ได้อานิสงส์มากนั้น จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบโดยไม่บกพร่อง

(๔) บุคคลที่มีใจอารี มีน้ำใจ พร้อมเสนอที่จะช่วยเหลือคนข้างเคียง

--- ไปจ่ายตลาดก็ถามเพื่อนบ้าน (ที่ดี) ว่าจะฝากซื้ออะไรบ้าง แล้วก็บริการให้เท่าที่เห็นว่าสมควร

--- ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เห็นที่บ้านท่านน้ำกิน น้ำใช้แห้ง หม้อพร่องตุ่ม ก็จัดการเติมให้เต็ม

--- ไปบ้านเพื่อน เพื่อนเป็นไข้นอนซมอยู่ อาการไม่รุนแรงนัก แต่ร่างกายต้องการพักผ่อน ก็ช่วยซื้อยา ซื้ออาหารอ่อนให้เพื่อนกิน บุคคลที่มีน้ำใจอารี ชอบบริการคนที่ตนพอจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือได้ ทำเป็นประจำ เช่นนี้ ในวัยชรา จะมีคนเอาใจใส่ดูแล ไม่ต้องอยู่อย่างเงียบเหงาว้าเหว่เดียวดาย เกิดภพใหม่ชาติใหม่ จะเป็นคนโชคดี

--- นึกจะก่อสร้างเรือนโรงร้านค้า ก็สามารถตามพบตัวนายช่างได้โดยง่าย

--- ประสงค์จะประกอบกิจกรรมบางอย่าง ก็เสาะแสวงหาวัสดุได้ใกล้ๆ ตัวนั้นเอง ชีวิตของเขาจะไม่ต้องรอคอยใครนานเลย

--- อยากซักผ้า คนซักผ้าก็ผ่านมาที่บ้านพอดี ไม่ต้องหอบผ้าไปส่งให้เขา

หมายเหตุ - มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ระหว่างทานกับการมีน้ำใจ 

๑. ทำบุญทำทาน ก่อสร้างอาคารอุทิศถวายตัว ทำให้ร่ำรวย มีกินมีใช้ มีหลักฐาน
๒. ใจอารี เอื้อเฟื้อคนที่เกี่ยวข้อง จะทำให้โชคดีทางด้านการติดต่อ ประกอบการงานคล่อง ไม่ติดขัด

บุคคลควรประกอบกรรมทั้งสองประการข้างต้นพร้อมกันไป 

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ : หลวงปู่ดู่



1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า

-เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่

-ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า

-ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย

-เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย

-เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา


2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่

การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆคนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่านิยมกัน การทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตัวเอง แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น

แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง สรุปสั้นๆ ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากมากหรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป


3. การสวดภาวนา ให้ได้บุญมากขึ้น

การสวดภาวนา คาถาศักดิ์สิทธิ์ หรือมนตราอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ถ้าได้ทำอย่างถูกวิธีนั้น จะเป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง เพราะพลังบุญ พลังอำนาจของพระคาถาและมนตรานั้น จะถูกดึงเข้าสู่ตัวผู้สวดด้วย

เคล็ดวิธีมีอยู่ว่า โดยก่อนสวดนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิที่พร้อมจะสวดแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญทั้งหมดที่ตนเคยทำมานั้น ส่งให้แด่ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาหรือมนตรานั้นๆด้วย ซึ่งเป็นการเชื่อมบุญรูปแบบหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็อธิษฐานขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้อื่นที่ได้สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย เมื่อใดตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราก็ได้บุญเพิ่มทุกครั้ง


4.การทำบุญด้วยการต่อชีวิตสัตว์ ให้ได้บุญมากขึ้น

การทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์หรือต่อชีวิตสัตว์นั้น หลายคนเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็แล้วแต่จิตจะพาไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เป็นการทำบุญใหญ่ เป็นการช่วยต่อชีวิต ต่อโชคชะตา ให้เวลากับสัตว์ที่กำลังจะถึงตายให้ได้มีชีวิตอีกครั้ง และเคล็ดลับสำคัญก็คือ ก่อนที่จะปล่อยสัตว์นั้นๆ เมื่อได้ซื้อมาหรือเจอ ณ ที่ใดก็ตาม ให้นำไปถวายกับพระสงฆ์เสียก่อน เพื่อเพิ่มบุญให้มากขึ้น เหตุเพราะว่าพระสงฆ์ที่รับนั้นท่านบริสุทธิ์ และมีศีลมากกว่าเรา ท่านย่อมมีบุญมากกว่าเรา ยิ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญมากแล้ว บุญนั้นจะเพิ่มเป็นหลายเท่า จากนั้นก็ขอผาติกรรมชำระหนี้สงฆ์ซื้อคืนมาจากท่าน ด้วยเงินเท่ากับจำนวนที่เราซื้อสัตว์นั้นๆมา วิธีนี้เป็นการเพิ่มบุญอีกเท่าตัว ได้ทั้งทำบุญต่อชีวิตสัตว์ และชำระหนี้สงฆ์ด้วย หลังจากนั้นก็นำไปปล่อยในที่อันสมควร

อานิสงส์ของการทำบุญด้วยวิธีนี้ ถ้าใครที่ทำได้ตามนี้ บุญที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า จากการที่ไปซื้อมาแล้วก็ไปปล่อยตามยถากรรม วิธีนี้นอกจากได้บุญน้อยแล้ว แถมยังได้บาปกลับมาด้วย ดังนั้นจะทำบุญทั้งที ควรฉลาดในการทำบุญด้วย


5. การทำสังฆทานให้ได้อานิสงส์บุญมากขึ้น

การทำสังฆทานควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหาร( คาว-หวาน-ผลไม้-น้ำ ) ,เครื่องนุ่งห่ม ( ผ้าไตรจีวร หรือ ผ้าขนหนูสีสุภาพ ) , ยารักษาโรค , ที่อยู่อาศัย ( บ้านหลังเล็กๆ ซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยทิพย์ให้กับเจ้ากรรมนายเวร เค้าจะได้มีที่พักพิง ไม่มารบกวนเราอีก ) และควรเพิ่มหนังสือธรรมะเข้าไปด้วยเพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวรซึ้งในรสพระธรรม มีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์

เคล็ดลับสำคัญ เครื่องสังฆทานและอาหารเหล่านี้ เราควรที่จะต้องไปถวายแด่พระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูง แต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ทราบ ให้เรานั้นตั้งจิตอธิฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าโดยตรงและ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญจะได้มากขึ้นทบทวี และหลังจากนั้นก็ให้อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมด และควรกรวดน้ำหลังทำบุญทุกครั้งเพื่อให้พระแม่ธรณีและเทพเทวาทั้งปวงท่านเป็นพยานในการทำบุญครั้งนี้

สรุป 

เมื่อท่านได้ทราบว่า ทำบุญอะไร แล้วได้รับอานิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไร สมควรช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย เพราะเป็นการให้คนได้รู้ถึงอานิสงส์ของทำบุญในแต่ละอย่าง จะได้จำสืบต่อกันไปอย่างถูกต้อง

ดังนั้น จึงสรุปว่า การทำบุญอะไรก็ตาม เมื่อได้ทำบุญแล้ว ก็ได้รับผลบุญในทันที กล่าวคือ ขณะที่ทำบุญนั้น สภาพจิตของเราตรงนั้นเป็นอย่างไร สุขใจไหม สบายใจไหม ภูมิใจไหม ตรงนี้ไม่ต้องถาม หวังว่า ท่านที่เคยทำบุญมาแล้วก็จะตอบตนเองได้อย่างแจ่มแจ้งทีเดียว

เมื่อเราได้ทำบุญ ผลของการทำบุญ จะให้อานิสงส์ไม่เหมือนกัน บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยตรง แต่บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยอ้อมไม่ตรงทีเดียว ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า อานิสงส์แห่งการทำบุญนั้นไม่เหมือนกัน และผลบุญที่เราได้ทำนั้น รอให้ผลอยู่ตลอดเวลาแก่ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ ตราบเท่าที่ยังมีผลบุญอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้ ถ้าไม่ประมาท ถึงแม้ไม่มีอะไรจะทำบุญ เพียงแต่เห็นคนอื่นเขาทำบุญ แล้วทำใจให้เลื่อมใส ก็เป็นอันได้ทำบุญเหมือนกัน บุญชนิดนี้ เรียกว่า บุญด้านปัตตานุโมทนามัย ( บุญจากการอนุโมทนาบุญ )

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://board.palungjit.org/f130/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%93%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%88-572201.html

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การแก้กรรมชีวิตคู่ไม่ราบรื่น...ร้างคู่(ต้องการมีคู่)...คู่ดวงไม่สมพงศ์กัน



1. แก้กรรมร้างคู่

คนบางคนขาดคู่แท้ คู่ถาวรเพราะวิบากกรรม
ชาติก่อนอาจเคยทำให้คู่รักต้องเลิกกันไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
หรืออาจเคยพรากคู่รักให้แยกจากกัน
หรือเคยยุยงให้เขาแตกกัน
หรือขัดขวางมิให้เขาได้ครองคู่กัน
การแก้กรรมดวงที่ร้างคู่ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.1 ถวายเทียนคู่หรือแจกันคู่
ถวายให้ครบ 9 วัดอย่างต่อเนื่อง
จะทำบุญเดือนละ 1 วัดหรือ 2 วัดก็ได้ตามแต่สะดวก
ให้ถวายในวันเกิดของตน เช่น คนเกิดวันพุธ ก็ไปทำบุญวันพุธ
อธิษฐานจิตขอทำบุญเพื่อแก้วิบากกรรม
ตั้งจิตภาวนาขอพรเรื่องคู่ตามที่หวัง
(สามารถถวายสิ่งของอื่นแก่วัดได้ แต่ควรถวายสิ่งของที่ใช่เป็นคู่ เช่น เชิงเทียน)

2. แก้กรรมชีวิตคู่ไม่ราบรื่น

อาจเป็นเพราะชาติปางก่อน ทำบุญร่วมกันโดยไม่เต็มใจ
จึงเกิดมาเป็นคู่กัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น
หรือเมื่อครั้งที่เคยเป็นคู่กันนั้น ขาดความปรองดองต่อกันหรือร่วมมือกัน
จึงต้องมาทะเลาะเบาะแว้ง ให้แก้กรรมโดยปฏิบัติ ดังนี้
2.1 ร่วมใจกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ ต้องเป็นประจำสม่ำเสมอ ทุกกเช้า วันเว้นวัน หรือทุกอาทิตย์
2.2 ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานสม่ำเสมอ ทุกเดือน หรือ ทุก 3 เดือน
2.3 ร่วมกันสวดพระคาถาบท ทุกวันพระเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นสวดทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
2.4 เป็นเจ้าภาพหรือร่วมเป็นเจ้าภาพ เกี่ยวกับงานเลื้ยงวิวาห์ ออกแรงหรือออกเงินช่วยงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวที่ไม่รวยนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ที่เรารู้จักคุ้นเคยดี
2.5 ตั้งตนชอบอยู่ในจริยธรรมอันดี คิดดี พูดดี และทำดีต่อคู่รักทุกคู่ มิว่าจะรู้จักกันดีหรือไม่ ช่วยให้คู่รักเขาได้สมรักหรือได้เข้าใจกัน ไม่ทำให้เขาแตกร้าวกัน จะได้อานิสงค์แรงมาก

3. แก้กรรมคู่ไม่สมพงศ์ดวงกัน

คู่ที่มีดวงไม่ถูกโฉลกกัน หรือไม่สมพงศ์กันในทางพื้นเรือนชะตา เมื่อมาครองคู่ด้วยกันแล้ว
ชีวิตมักจะขรุขระไม่ราบรื่น มีอุปสรรคให้ฟันฝ่าจนเหนื่อยเสมอ หรืออาจมีความลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก้าวหน้าช้า
มีความขัดสน หรือมีปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้หาความสุขสบายแท้จริงไม่ได้ ให้แก้กรรม ดังนี้
3.1 ร่วมกันทำบุญ ทำทานสม่ำเสมอ ทำบุญด้วยการออกแรงแทนเงินก็ได้ นำข้าวของไปบริจาคคนยากไร้ ไปอาสาช่วยงานบุญที่วัด
3.2 ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์
3.3 ไปไหว้พระ ทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงร่วมกัน
3.4 ไปไหว้ศาลหลักเมืองด้วยกัน
3.5 ร่วมกันปล่อยนก ปล่อยปลาย ปล่อยหอยขม โดบไปซื้อปลาที่ตลาดสดมาปล่อย หรือไถ่ชีวิตสัตว์
3.6 ร่วมกันล้างบ้าน จัดบ้านใหม่ ไหว้พระที่บ้าน ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง

4. อธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้

ต้องฟังผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวที่สูงวัย ที่ให้คำแนะนำ ตรงนี้เป็นบุญประการหนึ่ง บุญนี้จะหนุนนำให้ได้คู่ที่ดี ให้ได้ลูกที่ดีในลำดับต่อไป ต่อมาเป็นเรื่องของการทำบุญ คือไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่เดือดร้อน ปู่ย่าตายายเดือดร้อน ร้อนกายร้อนใจว่าเราเอกเขรกเกเร ทั้งนี้จะเป็นบุญกุศลหนุนนำให้เราได้พบคู่รักอันเป็นคู่แท้ประการหนึ่ง อีกหลาย ๆ ประการที่กล่าวถึงดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นบุญกุศลในเรื่องที่จะให้สมหวังในความรักทั้งนั้น

การ กตัญญูกตเวทิตาต่อบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล ทำบ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข การทำบุญกับบ้านเด็กกำพร้า การบริจาค หรือการทำบุญกับบ้านคนชรา การบริจาค หรือการทำบุญให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ การบริจาคหรือการทำบุญกับมูลนิธิเพื่อนหญิง หญิงที่ถูกทำร้าย การบริจาคหรือการทำบุญกับโรงพยาบาล เป็นส่วนสำคุญที่จะเป็นบุญแรง เป็นบุญใหญ่ หนุนนำให้เกิดความสุขและความสำเร็จในเรื่องความรัก เพราะสถานที่ที่ได้กล่าวถึง มีสื่อทางจิตวิญญาณอันสัมพันธ์เกี่ยวกับบุญวาสนาบารมี ที่จะเกื้อหนุนให้เกิดพลังของผลบุญที่เกื้อหนุนในเรื่องของความรักและชีวิต ครอบครัว เมื่อทำบุญแล้วต้องมีการอธิษฐานบุญ ขอให้ตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อท่านสงบนิ่งแล้วให้ระลึกถึงสิ่งที่เป็นผลบุญที่ได้กระทำอันเกี่ยวข้อง กับสิ่งที่ท่านได้ทำบุญมา และให้อธิษฐานว่า

"ขอ ให้ข้าพเจ้า...(ชื่อ-นามสกุลของท่าน).... ขอให้ประสบความสุข ความสำเร็จโดยเฉพาะในเรื่องของชีวิตคู่ เรื่องของครอบครัวขอให้มีความสุข ขอให้ได้พบคู่แท้ดังที่ปรารถนา หากใครก็ตามที่เป็นคู่แท้ ก็ขอให้พบโดยเร็วพลัน ขอให้ได้เรียนรู้ ขอให้อย่าได้พบกับคนที่หลอกลวง แต่ถ้าหากใครคิดจะหลอกลวง ทำร้าย ทำลายน้ำใจให้มีความรู้สึกเจ็บช้ำ จงอย่าได้กล้ำกลายเข้ามา ขอให้ห่างไกลหลีกลี้หนีไปจากบารมี หลีกลี้ไปจากเรา ขอให้มีบารมี บุญบารมีธรรมคุ้มครองเราด้วยเถิด หากใครเป็นคู่แท้แล้วไซร้ก็ขอให้จงมีโอกาสเข้ามาใกล้ ประดุจเทพอุ้มสม คือเทพหนุนนำ เทวดาชักพา ให้เกิดการพบหน้า มีจิตประภัสสรให้เกื้อหนุนกันต่อไป จากปัจจุบันถึงอนาคตด้วยเถิด สาธุ"

ประมาณนี้ ท่านก็จะสมหวังตามที่ปรารถนา ส่วนอธิษฐานมีส่วนเหมือนกัน กล่าวคือ ท่านที่เกิดวันอาทิตย์นั้น การอธิษฐานควรจะอธิษฐานหรือทำบุญในวันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดี ท่านที่เกิดวันจันทร์ควรจะทำบุญอธิษฐานขอพรจากเทวดาฟ้าดิน ในวันจันทร์หรือวันพุธ ส่วนท่านที่เกิดวันอังคารควรขอพรจากเทวดาฟ้าดินในวันอังคารและวันศุกร์ ท่านที่เกิดวันพุธกลางคืนควรอธิษฐานขอพรในวันพุธกลางคืนและวันเสาร์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของการอธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้ หวังว่าท่านคงไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อความสุขของท่านเองและคนรอบข้าง ให้สมหวังดังที่ปรารถนา พบรักในเร็ววัน

ที่มา : http://www.ladyinter.com/forum_posts.asp?TID=4795

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีแก้ไขวิบากกรรมหนักฉบับเร่งด่วน


ตัวอย่างเคล็ดลับการเสริมสร้างพลังบุญเฉพาะเรื่อง

– กรณีที่มีวิบากกรรมหนัก ก็ต้องสร้างพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ รุนแรง เพื่อทุเลาและแก้ไขวิบากกรรมนั้นด้วยอย่างทันท่วงที เช่น สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ (ถ้ากำลังในทรัพย์ปัจจัยไม่พอ ก็ให้หาเป็นเจ้าภาพร่วม ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการสร้าง ) สร้างวัด โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ สถานปฏิบัติธรรม อุทิศตัวเข้าบวชในบวรพุทธศาสนา ถ้าเป็นหญิงก็ให้บวชชี (หากไม่สะดวก ก็บวชแบบชีพราหมณ์ก็ได้) ถือศีล ปฏิบัติธรรม การบวช หรือปฏิบัติธรรม ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อย 9 วัน ขึ้นไป แล้วอุทิศไปให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ต้องเกิดวิบากกรรมอันหนักนั้น ถ้าทำบุญใหญ่ ๆ ได้ หลายๆอย่าง และมากๆ ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็จะยิ่งช่วยได้มาก การแก้ไขวิบากกรรมก็จะได้ผลเร็วยิ่งขึ้น

– สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อย ๆ การปล่อยชีวิตสัตว์ ไถ่ชีวิตสัตว์ ถือว่าได้บุญ อันเนื่องมาจากการที่ได้ต่อชีวิตให้สัตว์ อานิสงส์จะทำให้มีอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ช่วยคลายวิบากกรรมเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย เคล็ดลับให้ได้บุญมากยิ่งๆ ขึ้น ให้ไปซื้อหรือไถ่ชีวิตสัตว์ที่เขากำลังจะฆ่า เช่น ไปซื้อปลาที่เขากำลังจะฆ่าและนำเอาไปทำอาหาร และก่อนที่จะนำปลาไปปล่อย ให้นำไปถวายพระสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญที่ดีก่อน เมื่อท่านรับและอนุโมทนาแล้ว เราก็ขออนุญาตนำปลานั้นคืนมา เพื่อที่จะเอาไปปล่อย (เพราะเราถวายปลาไปแล้ว และปลานั้นก็ได้เป็นของพระไปแล้ว) ด้วยการถวายปัจจัยชำระหนี้ค่าปลาให้แก่พระสงฆ์ ตามจำนวนราคาที่เราซื้อมา หรือมากกว่า บุญนี้ก็จะได้มากกว่าการที่เราไปซื้อปลา และนำไปปล่อยเอง เพราะเป็นบุญที่ได้ทวีคูณเพิ่มขึ้น ตามค่าตัว หรือคุณธรรมของพระสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญ รวมไปถึงการถวายยารักษาโรค เป็นเจ้าภาพดูแลรักษา พระสงฆ์ที่อาพาธ (ป่วย)

– วิบากกรรมอันเกิดจากการทำแท้ง ก็เป็นวิบากกรรมหนัก ประเภทนี้ขอให้สังเกตว่ามักจะทำอะไรไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรมาขัดขวางอยู่ตลอดเวลา บางที เหมือนทำท่าว่าจะได้ จะสำเร็จแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ ไม่สำเร็จ เรียกว่ากินแห้วพลาดเป้าไปทุกที นั่นเป็นเพราะกรรมที่เคยไปตัดโอกาสในการมีชีวิตของผู้อื่น นอกจากจะแก้ไขด้วยการสร้างพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ รุนแรง ด้วยการปฏิบัติดังที่ได้แนะนำข้างต้นแล้ว ก็ให้เสริมด้วยการไปซื้อเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทารก เช่น ขวดนม นมผง ผ้าอ้อม รถเข็นเด็ก ของเล่นเด็ก ฯลฯ แล้วก็นำไปถวายให้แก่พระสงฆ์ และก็ใช้วิธีการเดียวกับเคล็ดลับการปล่อยปลาข้างต้น แล้วก็นำของเหล่านั้น ไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กอ่อนต่อไป

– เรียนหนังสือไม่ดี (ทั้งที่ขยันก็แล้ว)ความจำไม่ดี คิดอ่านอะไรก็ช้า ปัญญาไม่แล่น จะเล่าเรียนเขียนอ่านอะไร ก็มีปัญหามีอุปสรรคไปหมด เป็นวิบากกรรมที่เกิดจากการไปขัดขวางไม่ให้คนได้มีความรู้ เคยไปบั่นทอนสติ และปัญญาของผู้อื่นด้วยประการต่างๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนในการกระทำนั้น เช่น ผลิต จำหน่ายสุรา เครื่องดองของมึนเมา ยาเสพติด ทั้งหลายทำให้คนหลงใหลในอบายมุข ชี้นำสั่งสอนในสิ่งที่ผิดไม่ถูกต้องตามธรรมให้ผู้คน ได้ปรามาสหรือ ดูหมิ่นดูแคลนผู้มีความรู้ ผู้ทรงศีลทรงธรรม การทุเลาและแก้วิบากกรรมในกรณีนี้ ให้ไหว้พระสวดมนต์ ขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งหลายที่เราได้เคยละเมิด ล่วงเกินมา มากๆ บ่อยๆ ต้องปฏิบัติธรรม สร้างธรรมทานด้วยการแจกหนังสือธรรมะ สื่อธรรมะของครูบาอาจารย์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ หนังสือสวดมนต์ (กรณีหนังสือธรรมะต้องมั่นใจว่า เป็นธรรมะที่ถูกต้องด้วย ถ้าไม่แน่ใจต้องให้ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นผู้รู้จริงพิจารณาก่อน) ถวายสื่อการเรียนการสอนธรรมะ ถวายหนังสือพระไตรปิฎก เป็นเจ้าภาพ หรือร่วมสนับสนุน อุปถัมภ์ค้ำจุนเรื่องการประพฤติปฏิบัติธรรม การศึกษาเล่าเรียน เช่น ให้ทุนจัดฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม สร้างวัด สถานปฏิบัติธรรม ให้ทุนการศึกษา พระสงฆ์ เณร นักเรียน นักศึกษาที่ดีมีศีลมีธรรม


ข้อควรปฏิบัติในการดำรงชีวิตในแต่ละวันเพื่อเพิ่มพลังบุญ
1. ตั้งใจรักษาศีล ด้วยการสมาทานศีล 5หรือศีล 8
2. สวดมนต์ด้วยบทสวดต่างๆ อย่างน้อยที่สุดให้ได้ 1 บทสวด วันละครั้งก่อนนอน โดยเฉพาะบทสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ (อิติปิโส ฯ…)
3. นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้)
4. แผ่เมตตา อุทิศบุญ ให้แก่เทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
5. อธิษฐานขอให้ผลบุญนี้ ไปเป็นพลังเพื่อความสำเร็จต่าง ๆ ดังที่เราปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นทางโลก หรือทางธรรม หรือทั้งทางโลกและทางธรรม
6. ทำทาน ให้ได้ในแต่ละวัน ทุก ๆ วัน ตามกำลัง เช่น ใส่บาตร ถวายสังฆทาน หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม หากไม่สะดวก ไม่มีโอกาสที่จะทำได้ทุกวัน ก็ให้นึกถึงเรื่องการให้ทานไว้ทุกวัน โดยตั้งจิตเจตนาไว้อยู่เสมอว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะไปทำทาน เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุก ๆ วันอาทิตย์ ควรตั้งสัจจะไว้ ไม่ควรคิดว่า เอาไว้เมื่อมีความพร้อม มีเวลา มีโอกาสแล้วจึงจะไปทำ เพราะถ้าคิดอย่างนั้นแล้ว ส่วนมากจะหาโอกาสได้ยาก กิเลสมักหาข้ออ้างได้เสมอ
7. การอธิษฐานต่าง ๆ ให้ตั้งจิตมุ่งมั่นแน่วแน่ ปักลงไปในเป้าหมายอย่างแท้จริง ให้มั่นใจในพลังบุญของเรา มองเห็นภาพความสำเร็จเกิดขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน ไม่ลังเลสงสัย (ให้คิดบวกเสมอ) เมื่อผลสำเร็จยังไม่เกิดขึ้น อย่าเพิ่งท้อแท้ นั่นเป็นเพราะองค์ประกอบของเหตุปัจจัยที่ทำลงไปยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ และในแต่ละคนก็มีไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ให้ปฏิบัติต่อเนื่องต่อไป ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องสำเร็จแน่นอน ยังไงก็ต้องได้เห็น บางทีความสำเร็จอาจมาโดยคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำไป และเมื่อสำเร็จแล้ว ก็ให้ทำต่อไป จะเป็นการเพิ่มพลังบุญของเราไปเรื่อยๆ หากยังต้องเวียน ว่าย ตายเกิด อยู่ในวัฏสังสารนี้ พลังบุญที่เราสะสมไว้นี้ ก็จะเป็นทุนรอนในภพชาติหน้าต่อไป


วิธีการเชื่อมบุญ และเคล็ดลับสำคัญ *
หลังจากที่เราได้ทำบุญ บุญก็เกิดขึ้น และเมื่อบุญเกิดขึ้นแล้ว เรายังสามารถน้อมเอาผลบุญนั้น มาอุทิศให้แก่ผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นนั้นมีความสุขด้วย อีกทั้งยังเป็นการชดใช้หนี้เวร หนี้กรรม เศษเวร เศษกรรม ทั้งหลาย ที่เกิดจากบาปเวรอกุศลกรรมที่เราเคยสร้างไว้ เป็นผลให้เราได้รับวิบากกรรมชั่วต่าง ๆ นา ๆ (ที่เรามักเรียกว่ากันว่าเจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง)

ต่อจากนั้นเราก็ตั้งจิตกล่าวอุทิศผลบุญทั้งหลายนี้ ให้กับบุคคลทั้งหลายที่เราปรารถนาจะอุทิศให้ แล้วจึงอธิษฐาน เพื่อให้บุญนั้นเกิดเป็นความสำเร็จในกิจการงานต่าง ๆ ตามที่เราได้ปรารถนา หรือตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนการที่เราจะอุทิศบุญให้แก่ใคร บุคคลใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับบุคคลต่าง ๆ เหล่านั้น ในแง่ใด สถานการณ์ใด (รวมทั้งที่อยู่ในภพภูมิอื่น ๆ) แล้วจึงอุทิศเจาะจงไปให้ (การอุทิศบุญต้องเจาะจง)

ดังนั้น การเชื่อมบุญ และการพึ่งบุญ ก็เป็นการอุทิศบุญเจาะจงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สุขและความสำเร็จ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆ สิ่งที่พึงปรารถนา หรือตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง
*** (ควรทำให้ได้ทุกวัน ในแต่ละวันที่ได้ทำบุญไป และควรทำบุญให้ครบส่วน ทั้งในส่วนของ ทาน ศีล ภาวนา กรณีไม่มีโอกาสได้ทำทานทุกวัน หรือคิดว่ายังไม่พร้อมเพียงพอในเรื่องทรัพย์ปัจจัยที่จะนำไปใช้ในการทำบุญ ก็ให้ตั้งเจตนาไว้ก่อน โดยหมั่นสะสมทรัพย์ไว้ ใช้วิธีหยอดเงินใส่กระปุกออมสินรวบรวมไว้ก็ได้ แล้วจึงนำไปทำทาน ถวายทาน ในแต่ละสัปดาห์ หรือตามโอกาส ควรทำบ่อยๆ และต่อเนื่อง จะทำให้จิตระลึกถึงบุญกุศลอยู่เสมอ และก่อให้เกิดผลสำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้)


ขั้นตอนการอธิษฐาน และอุทิศบุญ *
ให้ทำเบื้องหน้าพระพุทธรูป (โต๊ะหมู่บูชา หิ้งพระ ถ้าในที่พักไม่มี ก็ให้อยู่ให้ในสถานที่อันควร เป็นที่สงบ แล้วน้อมระลึกถึงพระคุณความดี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีอุปการะคุณทั้งหลาย ) โดยก่อนอธิษฐาน ให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อน และทำตามลำดับ ดังนี้
1. กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย (อะระหัง สัมมาฯ)
2. สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ (อิติปิโสฯ)
3. รับไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ)
4. สมาทานศีล
5. กล่าวคำอธิษฐาน และอุทิศบุญ (ตามตัวอย่าง)
6. กรวดน้ำ อุทิศบุญกุศล (ตอนที่เอาน้ำไปเท ให้เทลงที่พื้นดิน และก่อนเทน้ำ ให้ตั้งจิตบอกแม่พระธรณีว่า “ ขอแม่พระธรณีทรงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศลของลูกนี้ด้วยเถิด ” ก็เป็นอันเรียบร้อย เสร็จพิธี

หมายเหตุ โดยปกติทั่วไป เรามักทำบุญโดยนิยมถวายสังฆทานกัน เพราะหาโอกาสทำได้ง่าย และได้อานิสงส์มาก แต่ในกรณีที่เราไม่ได้ถวายสังฆทาน ก็สามารถประยุกต์ใช้คำอธิษฐานนี้ ในการทำบุญ ทำทานประเภทอื่น ๆ ชนิดอื่นๆ ในแต่ละครั้งได้ โดยปรับให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แล้วน้อมนำผลบุญที่ได้กระทำไปแล้วนี้ อุทิศไปให้แก่บุคคลที่เราปรารถนาจะอุทิศให้ สำหรับการกรวดน้ำ ถ้าไม่มีอุปกรณ์(คนโทกรวดน้ำ) ก็ให้ใช้ขวดเล็ก ๆ ใส่น้ำ แล้วเทรินใส่แก้วก็ได้ เสร็จแล้วก็เอาน้ำไปเทที่พื้นดิน และเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว หากไม่มีโอกาสได้กรวดน้ำในตอนนั้น ณ สถานที่นั้น ก็ให้กลับมากรวดน้ำที่บ้านหรือที่พักก็ได้ และควรทำภายในวันนั้น การอธิษฐานและอุทิศบุญควรทำทุกวันที่ได้ถวายทาน หรือทุกวันที่ได้สร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น

ที่มา : หากเจอวิบากกรรมหนักต้องเร่งสร้างพลังบุญอย่างไร ของ ธ. ธรรมรักษ์

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คู่สมพล คือ อะไร ?


คู่สมพล เมื่อมีดาวอยู่ร่วมกันดังที่จะกล่าวข้างล่างนี้ เรียกว่า "คู่สมพล" คือ

๑ กับ ๖ (อาทิตย์กับศุกร์)
๒ กับ ๘ (จันทร์กับราหู)
๓ กับ ๕ (อังคารกับพฤหัส)
๔ กับ ๗ (พุธกับเสาร์)

ในทางโหราศาสตร์ จะมีการคำนวนกำลังดาวรวมกันเป็น 27 และในทางธาตุจะเป็นการหักล้างกันของธาตุ

ดาวพระเคราะห์ที่อยู่ร่วมกันเป็น "คู่สมพล" มีความหมายเป็นกลางๆว่า "อำนาจ อิทธิพล ความสามารถ ความรู้ ความชำนาญ ตำแหน่ง หน้าที่"

คู่สมพลให้ผลในด้านดี "ด้านการส่งเสริมที่จะเกิดขึ้น หรือที่จะสำเร็จ เพราะอำนาจของอิทธิพล เพราะความรู้ความสามารถ ความชำนาญ หรือเพราะตำแหน่งหน้าที่ หรือจากการใช้ความรู้ความสามารถ"

คู่สมพลให้ผลทางด้านเสีย "ด้านที่จะเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจอิทธิพล หรือเพราะความประมาท หรือเพราะความเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป และรวมถึงความเสียหายแก่ตำแหน่งหน้าที่ หรืองานในความรับผิดชอบ"
ดังนั้นการใช้คู่สมพล จึงเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ หรือ บุกเบิกอะไรใหม่ๆ
สำหรับ 47 หรือ 74 เป็นเลขที่เหมาะกับ ผู้บุกเบิกธุรกิจ ที่ต้องการทำงานหนัก และเหมาะกับ ผู้เกิด ราศี หรือ ลัคนาราศี พฤษภ ,ธนู และ มีน โดยจะส่งเสริมเรื่องโชคและการเงินให้กับกลุ่มราศีดังกล่าว

บทความที่ได้รับความนิยม