บทความแนะนำ

บทความ ศาสตร์แห่งดวงดาว
เบอร์มงคล 100% ผลรวมดี ทั้งคู่ ทำไมคนหนึ่งชีวิตดีแต่อีกคนชีวิตแย่?!?!?
ตัวเลขส่งเสริมการเงินและโชคลาภ
กลุ่มส่งเสริมการเงิน ตัวเลขมหาอุจจ์
กลุ่มส่งเเสริมการเงิน มหาจักร
กลุ่มส่งเเสริมการเงินราชาโชค
กลุ่มแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและรายได้
ตัวเลข ปัญหา/อุปสรรค/ศัตรู
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ความรัก และ คู่ครอง
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ลูกค้าและเพื่อนฝูง
ตัวเลขส่งเสริมเรื่อง ผู้อุปถัมภ์ ความสำเร็จ และ ความรุ่งเรือง
ตัวเลข วินาสน์ (ล่มสลาย,ฉับพลัน,เปลี่ยนแปลง,ที่ลับ,คนแปลกหน้า)
ประสบการณ์ผู้ที่ใช้เบอร์พลังดวงดาวตามลัคนา และมีเงินซื้อรถ 2 คัน บ้าน 2 หลัง
Case Study : เปลี่ยนเบอร์ตามหลักศาสตร์แห่งดวงดาวแล้วขายที่ดินได้ในราคาสูง
แย่แล้ว !!! เบอร์มังกร (789) ทำฉันเป็นหนี้ !!!!
ว่าไงนะ!!! เบอร์หงส์ (289) พ่นพิษ !!! เสียบ้านที่อุตส่าห์ซื้อมา
เบอร์เสน่ห์ตามหลักเลขศาสตร์ VS เลขการเงินตามศาสตร์แห่งดวงดาว
กำลังดวงดาว 9 หมายถึงอะไร?
เบอร์มงคล 10 หลัก ผลรวมดี ทำไมชีวิตฉันจึงลำบาก!!!

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บทความ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บทความ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๒ เหตุทำดีไม่ได้ดี

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๒ เหตุทำดีไม่ได้ดี


ถ้ามีความรู้สึกว่าทำดีไม่ได้ดี จะต้องพิจารณาดูว่า ได้มีความชั่ว หรือสิ่งไม่ดีไม่งามบางอย่างแทรกซ้อนปะปนอยู่ในการทำความดีนั้นหรือไม่

(๑) ทำดีกับคนเลว กับคนเนรคุณ ได้ผลดีน้อยมาก หรือไม่ได้เลย
ทำดีกับคนดี ได้ผลของความดีมากมาย

(๒) ขยัน ในจังหวะที่คนหมู่มากขยันขันแข็ง ความขยันจะช่วยพยุงตัวเองไว้ ไม่ให้น้อยหน้าใคร ขยันหมั่นเพียรในเวลาที่คนส่วนใหญ่เกียจคร้าน ความขยันจะช่วยผลักดันให้ตัวเองสูงส่ง

(๓) ตัวเองทำดีเสมอ แต่ขณะเดียวกันก็ขัดขวางความดีของผู้น้อย หรือกันท่าไม่ให้เพื่อนฝูงทำดี

ผลกรรม 

--- การเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งแต่ละครั้ง มีคนคอยขัดขวาง หรือมีคนอื่นตัดหน้าแซงคิวไปก่อนเสมอ

(๔) ตัวเองทำความดีเสมอ แต่โอกาสเดียวกันก็ทำความชั่วไปด้วย คือ ความดีมีความชั่วเป็นตัวถ่วง ผลของกรรมดีจึงชักช้า หรือผลของกรรมดีมีความทุกข์แทรกซ้อนปะปนไปด้วย

(๕) ตัวเองทำความดีเสมอ แต่ไม่ห้ามปรามบริวาร คนข้างเคียงทำความชั่ว ปล่อยให้คนในบังคับบัญชาทำความผิด ทำบาปโดยไม่ตักเตือนท้วงติง ความดีจะสนองตอบผู้กระทำด้วยทรัพย์สมบัติ ด้วยตำแหน่งหน้าที่การทำงาน แต่สิ่งที่ได้มา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเท่าที่ควร กลับเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ ได้รถประจำตำแหน่ง น้องเมียเอาไปใช้ มีคนรบกวนหยิบยืมของใช้ หรือสมบัติส่วนตัว

(๖) ตนเองประพฤติดี ประพฤติชอบเสมอ แต่ริษยากลัวคนอื่นจะได้ความดีเท่าเทียมตัว หรือมากกว่าตัว จึงกลั่นแกล้งหน่วงเหนี่ยวผลงานของคนอื่นไว้ รีบเสนอแต่ความดีของตนไปก่อน

--- ความริษยาจะทำให้ผลของความดีของตนเองสนองตอบช้า ขัดข้องด้วยระเบียบข้อบังคับ ล่าช้า เพราะดินฟ้าอากาศ

--- เงินเดือนเต็มขั้นนานแล้ว ยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ต้องรอต่อไป เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง

--- ผู้ใหญ่ที่จะช่วยเหลือสนับสนุน เอาหลักฐานสำคัญไปทำหาย

--- ร่มโพธิ์ร่มไทรของตนเอง ล้มหายตายจาก ไม่ทันได้อุ้มชู้เลี้ยงดูกันอย่างเต็มที่

(๗) ตนเองทำความดีอย่างสม่ำเสมอ แต่หวั่นเกรงว่า คนอื่นจะได้ดีเท่าเทียมตนหรือเหนือกว่าตน จึงได้พยายามยุยงให้คนอื่นทำความชั่ว สนับสนุนให้คนอื่นทำความผิด เพื่อว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตนเองจะได้เป็นคนดี เด่นอย่างไม่มีผู้แข่งขัน

ผลกรรม 

--- ความดีของเขาจะปรากฎว่า มีผู้ใส่ร้าย มีผู้โจมตีให้เสียหาย กว่าจะมีผู้รู้เห็นความดีของตนเอง ก็ต้องมีคดี มีข้อพิพาทมากมาย

--- มีความยุ่งยาก มีข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ เช่น ลูกน้องขับรถไปชนคนบาดเจ็บ บริวารไปกู้หนี้ยืมสินแล้วหนี ทิ้งหนี้ไว้

(๘) ตนเองเป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เห็นผู้อื่นซึ่งทำงานน้อยกว่าตน กลับได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงส่งกว่าตนเอง ประสงค์จะได้ดีมีอำนาจเช่นคนอื่นบ้าง จึงคอยจับผิด เพ่งโทษผู้ที่อยู่เหนือกว่าตน รายงานลับฟ้องร้องไปยังผู้บังคับบัญชา

ผลกรรม 

--- ทุกครั้งทุกหนที่ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงเด่นขึ้น จะปรากฎว่าน้ำใจจากผู้ร่วมงานลดน้อยถอยลงไป เกิดความระแวงแคลงใจ อยู่ไม่เป็นสุข ยิ่งทำงานนาน ตำแหน่งก็สูงขึ้น แต่เพื่อนฝูง คนรักคนชอบพอลดน้อยลงไป คือ ได้ความเจริญก้าวหน้า แต่สูญเสียมิตรภาพ

(๙) ในการทำบุญทำกุศลทุกครั้ง เขามักจะบีบบังคับให้เพื่อนฝูงหรือบริวารชน ตระเตรียมงานบุญนั้นแทนตน คือ ทำบุญคราวใดต้องเดือดร้อนคนข้างเคียงเสมอ

ผลกรรม 

--- ทุกครั้งที่ตนมีโชคลาภ หรือได้รับผลประโยชน์ จะต้องมีเหตุการณ์ทำให้โชคลาภนั้นหมดสิ้นไปโดยเร็ว รับเงินทอง เข้าบ้านมาวันนี้ พรุ่งนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่งเข้าบ้านมาขอยืมเงิน

(๑๐) ในอดีตชาติ - เขาชอบเลี้ยงสัตว์ขังกรง ปรนเปรอให้ข้าวน้ำอาหารเป็นอย่างดี

--- เขาชอบหน่วงเหนี่ยวควบคุมบริวารชนไว้ไม่ยอมให้ออกไปท่องเที่ยว แม้ปัจจุบัน เขาจะประกอบกุศลกรรมมากมายหลายอย่าง ผลของกรรมดีก็จะตอบแทนเขาอย่างอึดอัดรำคาญใจ หรือไม่สบายใจนัก

--- เป็นครูสอนที่จังหวัดเชียงใหม่ งานการก้าวหน้าตามลำดับ จนกระทั่งได้เป็นผู้ช่วยครูใหญ่ งานก็หยุดชะงัก อยากได้ตำแหน่งครูใหญ่ ก็จะต้องย้ายไปอยู่ในจังหวัดที่แห้งแล้ง

ผลกรรม 

--- ของการเลี้ยงสัตว์ขังกรง จะผูกมัดตัวของผู้กระทำเข้าไว้กับสถานที่หรือเหตุการณ์ จะออกจากบ้านไปเที่ยวเตร่ ก็ไม่มีใครอยู่ดูแลบ้าน จะทอดทิ้งงานเพื่อไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ก็หาคนรับงานแทนไม่ได้ เลี้ยงกล้วยไม้ไว้เป็นงานอดิเรก กล้วยไม้กำลังอยู่ในระยะเอาใจใส่ดูแล ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปต่างจังหวัด

ชำแหละกฎแห่งกรรม : เรื่องที่ ๑ ทำไมบางคนทำงานน้อย แต่ได้ผลมาก

ชำแหละกฎแห่งกรรม  : โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

เรื่องที่ ๑  ทำไมบางคนทำงานน้อย แต่ได้ผลมาก

(๑) คนบางคนทำงานรวดเร็ว รีบด่วน งานเสร็จหลายชิ้นหลายอัน ในช่วงเวลาอันสั้น แต่ขณะที่เขาทำงานนั้น เขามุ่งแต่เฉพาะงานของเขา ไม่คำนึงว่าการกระทำของตนจะขัดขวางผลประโยชน์ วิถีการทำงานของคนอื่นหรือไม่ เช่น

--- ปัดกวาดหยากไย่ให้เสร็จ ไม่พิจารณาว่าฝุ่นจะตกบนหัวใคร
--- ล้างถ้วยชามให้เสร็จ ไม่ว่าใครจะรอใช้อ่างล้างมือหรือไม่

การเห็นแก่ธุระของตนก่อน ของคนอื่นทีหลัง ด้วยการฝึกฝนตนเองเช่นนี้ เกิดในภพใดชาติใด จะเป็นคนเร่าร้อน อยู่ไม่เป็นสุข ทำงานมากแต่ได้ผลงานน้อย ทำงานได้ผลงานขาดตกบกพร่องเสมอ

(๒) คนบางคนทำงานอย่างช้าๆ นิ่มนวล คำนึงถึงผลงานของตนและผลงานของคนอื่นพร้อมกันไปด้วย ถ้างานของตนจะช้าไปบ้างเพื่อความดีงาม เพื่อสุขภาพจิต หรือเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนฝูงคนข้างเคียง ก็ยินดีรอ เช่น

--- จะปัดกวาดหยากไย่ ก็ขออนุญาตบอกกล่าวให้ผู้อื่นลุกหนีเสียก่อน
--- ใช้ห้องน้ำห้องส้วม เมื่อเห็นว่ายังมีคนรอก็เร่งธุระ ถ่ายอุจจาระ แล้วออกมาล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก

ด้วยผลกรรมอันกระทำมาในอดีตชาติ เกิดมาในภพนี้จึงเป็นคนโชคดี ทำงานน้อยได้ผลมาก ในสายตาคนอื่นอาจจะเห็นว่าเขาเกียจคร้าน แต่เขาก็สามารถผลิตผลงานออกมาไม่น้อยหน้าผู้ใด 

(๓) --- "พันธ์ทิพย์" มีบริวาร คนรับใช้ ทำงานดี ซื่อสัตย์ พันธ์ทิพย์สำนึกในบุญคุณ จึงจ่ายเงินให้ข้าวของเป็นพิเศษ นอกเหนือจากเงินค่าจ้างตามสัญญา เอาใจใส่ดูแลลูกน้องยามเจ็บไข้ได้ป่วย พันธ์ทิพย์มีโอกาสทำบุญทางศาสนาไม่บ่อยครั้งนัก

--- "บัวลอย" ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพันธ์ทิพย์ ก็มีคนรับใช้และบริวารที่มีความสามารถและซื่อสัตย์ ไม่แพ้ลูกน้องพันธ์ทิพย์ แต่บัวลอยไม่เอาใจใส่ดูแลให้สวัสดิการแก่คนรับใช้เลย จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาเท่านั้นเอง บัวลอยชอบไปทำบุญทำกุศลที่วัดเป็นประจำ

อานิสงส์ต่างกัน 

--- พันธ์ทิพย์จะสามารถทำงานได้ผลสำเร็จด้วยทุนอันน้อย ประกอบการค้าได้กำไรงดงาม
--- บัวลอย จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน และที่ทำงานมากกว่าของพันธ์ทิพย์ แต่ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือได้น้อย ใช้ไม่เป็น ทำงานมากได้กำไรน้อย เพราะเงินค่าดำเนินงานสูง

คนที่ทำบุญได้ผลดี ได้อานิสงส์มากนั้น จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบโดยไม่บกพร่อง

(๔) บุคคลที่มีใจอารี มีน้ำใจ พร้อมเสนอที่จะช่วยเหลือคนข้างเคียง

--- ไปจ่ายตลาดก็ถามเพื่อนบ้าน (ที่ดี) ว่าจะฝากซื้ออะไรบ้าง แล้วก็บริการให้เท่าที่เห็นว่าสมควร

--- ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เห็นที่บ้านท่านน้ำกิน น้ำใช้แห้ง หม้อพร่องตุ่ม ก็จัดการเติมให้เต็ม

--- ไปบ้านเพื่อน เพื่อนเป็นไข้นอนซมอยู่ อาการไม่รุนแรงนัก แต่ร่างกายต้องการพักผ่อน ก็ช่วยซื้อยา ซื้ออาหารอ่อนให้เพื่อนกิน บุคคลที่มีน้ำใจอารี ชอบบริการคนที่ตนพอจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือได้ ทำเป็นประจำ เช่นนี้ ในวัยชรา จะมีคนเอาใจใส่ดูแล ไม่ต้องอยู่อย่างเงียบเหงาว้าเหว่เดียวดาย เกิดภพใหม่ชาติใหม่ จะเป็นคนโชคดี

--- นึกจะก่อสร้างเรือนโรงร้านค้า ก็สามารถตามพบตัวนายช่างได้โดยง่าย

--- ประสงค์จะประกอบกิจกรรมบางอย่าง ก็เสาะแสวงหาวัสดุได้ใกล้ๆ ตัวนั้นเอง ชีวิตของเขาจะไม่ต้องรอคอยใครนานเลย

--- อยากซักผ้า คนซักผ้าก็ผ่านมาที่บ้านพอดี ไม่ต้องหอบผ้าไปส่งให้เขา

หมายเหตุ - มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ระหว่างทานกับการมีน้ำใจ 

๑. ทำบุญทำทาน ก่อสร้างอาคารอุทิศถวายตัว ทำให้ร่ำรวย มีกินมีใช้ มีหลักฐาน
๒. ใจอารี เอื้อเฟื้อคนที่เกี่ยวข้อง จะทำให้โชคดีทางด้านการติดต่อ ประกอบการงานคล่อง ไม่ติดขัด

บุคคลควรประกอบกรรมทั้งสองประการข้างต้นพร้อมกันไป 

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=817

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีแก้ไขวิบากกรรมหนักฉบับเร่งด่วน


ตัวอย่างเคล็ดลับการเสริมสร้างพลังบุญเฉพาะเรื่อง

– กรณีที่มีวิบากกรรมหนัก ก็ต้องสร้างพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ รุนแรง เพื่อทุเลาและแก้ไขวิบากกรรมนั้นด้วยอย่างทันท่วงที เช่น สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ (ถ้ากำลังในทรัพย์ปัจจัยไม่พอ ก็ให้หาเป็นเจ้าภาพร่วม ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการสร้าง ) สร้างวัด โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ สถานปฏิบัติธรรม อุทิศตัวเข้าบวชในบวรพุทธศาสนา ถ้าเป็นหญิงก็ให้บวชชี (หากไม่สะดวก ก็บวชแบบชีพราหมณ์ก็ได้) ถือศีล ปฏิบัติธรรม การบวช หรือปฏิบัติธรรม ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อย 9 วัน ขึ้นไป แล้วอุทิศไปให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ต้องเกิดวิบากกรรมอันหนักนั้น ถ้าทำบุญใหญ่ ๆ ได้ หลายๆอย่าง และมากๆ ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็จะยิ่งช่วยได้มาก การแก้ไขวิบากกรรมก็จะได้ผลเร็วยิ่งขึ้น

– สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อย ๆ การปล่อยชีวิตสัตว์ ไถ่ชีวิตสัตว์ ถือว่าได้บุญ อันเนื่องมาจากการที่ได้ต่อชีวิตให้สัตว์ อานิสงส์จะทำให้มีอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ช่วยคลายวิบากกรรมเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย เคล็ดลับให้ได้บุญมากยิ่งๆ ขึ้น ให้ไปซื้อหรือไถ่ชีวิตสัตว์ที่เขากำลังจะฆ่า เช่น ไปซื้อปลาที่เขากำลังจะฆ่าและนำเอาไปทำอาหาร และก่อนที่จะนำปลาไปปล่อย ให้นำไปถวายพระสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญที่ดีก่อน เมื่อท่านรับและอนุโมทนาแล้ว เราก็ขออนุญาตนำปลานั้นคืนมา เพื่อที่จะเอาไปปล่อย (เพราะเราถวายปลาไปแล้ว และปลานั้นก็ได้เป็นของพระไปแล้ว) ด้วยการถวายปัจจัยชำระหนี้ค่าปลาให้แก่พระสงฆ์ ตามจำนวนราคาที่เราซื้อมา หรือมากกว่า บุญนี้ก็จะได้มากกว่าการที่เราไปซื้อปลา และนำไปปล่อยเอง เพราะเป็นบุญที่ได้ทวีคูณเพิ่มขึ้น ตามค่าตัว หรือคุณธรรมของพระสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญ รวมไปถึงการถวายยารักษาโรค เป็นเจ้าภาพดูแลรักษา พระสงฆ์ที่อาพาธ (ป่วย)

– วิบากกรรมอันเกิดจากการทำแท้ง ก็เป็นวิบากกรรมหนัก ประเภทนี้ขอให้สังเกตว่ามักจะทำอะไรไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรมาขัดขวางอยู่ตลอดเวลา บางที เหมือนทำท่าว่าจะได้ จะสำเร็จแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ ไม่สำเร็จ เรียกว่ากินแห้วพลาดเป้าไปทุกที นั่นเป็นเพราะกรรมที่เคยไปตัดโอกาสในการมีชีวิตของผู้อื่น นอกจากจะแก้ไขด้วยการสร้างพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ รุนแรง ด้วยการปฏิบัติดังที่ได้แนะนำข้างต้นแล้ว ก็ให้เสริมด้วยการไปซื้อเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทารก เช่น ขวดนม นมผง ผ้าอ้อม รถเข็นเด็ก ของเล่นเด็ก ฯลฯ แล้วก็นำไปถวายให้แก่พระสงฆ์ และก็ใช้วิธีการเดียวกับเคล็ดลับการปล่อยปลาข้างต้น แล้วก็นำของเหล่านั้น ไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กอ่อนต่อไป

– เรียนหนังสือไม่ดี (ทั้งที่ขยันก็แล้ว)ความจำไม่ดี คิดอ่านอะไรก็ช้า ปัญญาไม่แล่น จะเล่าเรียนเขียนอ่านอะไร ก็มีปัญหามีอุปสรรคไปหมด เป็นวิบากกรรมที่เกิดจากการไปขัดขวางไม่ให้คนได้มีความรู้ เคยไปบั่นทอนสติ และปัญญาของผู้อื่นด้วยประการต่างๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนในการกระทำนั้น เช่น ผลิต จำหน่ายสุรา เครื่องดองของมึนเมา ยาเสพติด ทั้งหลายทำให้คนหลงใหลในอบายมุข ชี้นำสั่งสอนในสิ่งที่ผิดไม่ถูกต้องตามธรรมให้ผู้คน ได้ปรามาสหรือ ดูหมิ่นดูแคลนผู้มีความรู้ ผู้ทรงศีลทรงธรรม การทุเลาและแก้วิบากกรรมในกรณีนี้ ให้ไหว้พระสวดมนต์ ขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งหลายที่เราได้เคยละเมิด ล่วงเกินมา มากๆ บ่อยๆ ต้องปฏิบัติธรรม สร้างธรรมทานด้วยการแจกหนังสือธรรมะ สื่อธรรมะของครูบาอาจารย์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ หนังสือสวดมนต์ (กรณีหนังสือธรรมะต้องมั่นใจว่า เป็นธรรมะที่ถูกต้องด้วย ถ้าไม่แน่ใจต้องให้ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นผู้รู้จริงพิจารณาก่อน) ถวายสื่อการเรียนการสอนธรรมะ ถวายหนังสือพระไตรปิฎก เป็นเจ้าภาพ หรือร่วมสนับสนุน อุปถัมภ์ค้ำจุนเรื่องการประพฤติปฏิบัติธรรม การศึกษาเล่าเรียน เช่น ให้ทุนจัดฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม สร้างวัด สถานปฏิบัติธรรม ให้ทุนการศึกษา พระสงฆ์ เณร นักเรียน นักศึกษาที่ดีมีศีลมีธรรม


ข้อควรปฏิบัติในการดำรงชีวิตในแต่ละวันเพื่อเพิ่มพลังบุญ
1. ตั้งใจรักษาศีล ด้วยการสมาทานศีล 5หรือศีล 8
2. สวดมนต์ด้วยบทสวดต่างๆ อย่างน้อยที่สุดให้ได้ 1 บทสวด วันละครั้งก่อนนอน โดยเฉพาะบทสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ (อิติปิโส ฯ…)
3. นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้)
4. แผ่เมตตา อุทิศบุญ ให้แก่เทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
5. อธิษฐานขอให้ผลบุญนี้ ไปเป็นพลังเพื่อความสำเร็จต่าง ๆ ดังที่เราปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นทางโลก หรือทางธรรม หรือทั้งทางโลกและทางธรรม
6. ทำทาน ให้ได้ในแต่ละวัน ทุก ๆ วัน ตามกำลัง เช่น ใส่บาตร ถวายสังฆทาน หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม หากไม่สะดวก ไม่มีโอกาสที่จะทำได้ทุกวัน ก็ให้นึกถึงเรื่องการให้ทานไว้ทุกวัน โดยตั้งจิตเจตนาไว้อยู่เสมอว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะไปทำทาน เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุก ๆ วันอาทิตย์ ควรตั้งสัจจะไว้ ไม่ควรคิดว่า เอาไว้เมื่อมีความพร้อม มีเวลา มีโอกาสแล้วจึงจะไปทำ เพราะถ้าคิดอย่างนั้นแล้ว ส่วนมากจะหาโอกาสได้ยาก กิเลสมักหาข้ออ้างได้เสมอ
7. การอธิษฐานต่าง ๆ ให้ตั้งจิตมุ่งมั่นแน่วแน่ ปักลงไปในเป้าหมายอย่างแท้จริง ให้มั่นใจในพลังบุญของเรา มองเห็นภาพความสำเร็จเกิดขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน ไม่ลังเลสงสัย (ให้คิดบวกเสมอ) เมื่อผลสำเร็จยังไม่เกิดขึ้น อย่าเพิ่งท้อแท้ นั่นเป็นเพราะองค์ประกอบของเหตุปัจจัยที่ทำลงไปยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ และในแต่ละคนก็มีไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ให้ปฏิบัติต่อเนื่องต่อไป ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องสำเร็จแน่นอน ยังไงก็ต้องได้เห็น บางทีความสำเร็จอาจมาโดยคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำไป และเมื่อสำเร็จแล้ว ก็ให้ทำต่อไป จะเป็นการเพิ่มพลังบุญของเราไปเรื่อยๆ หากยังต้องเวียน ว่าย ตายเกิด อยู่ในวัฏสังสารนี้ พลังบุญที่เราสะสมไว้นี้ ก็จะเป็นทุนรอนในภพชาติหน้าต่อไป


วิธีการเชื่อมบุญ และเคล็ดลับสำคัญ *
หลังจากที่เราได้ทำบุญ บุญก็เกิดขึ้น และเมื่อบุญเกิดขึ้นแล้ว เรายังสามารถน้อมเอาผลบุญนั้น มาอุทิศให้แก่ผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นนั้นมีความสุขด้วย อีกทั้งยังเป็นการชดใช้หนี้เวร หนี้กรรม เศษเวร เศษกรรม ทั้งหลาย ที่เกิดจากบาปเวรอกุศลกรรมที่เราเคยสร้างไว้ เป็นผลให้เราได้รับวิบากกรรมชั่วต่าง ๆ นา ๆ (ที่เรามักเรียกว่ากันว่าเจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง)

ต่อจากนั้นเราก็ตั้งจิตกล่าวอุทิศผลบุญทั้งหลายนี้ ให้กับบุคคลทั้งหลายที่เราปรารถนาจะอุทิศให้ แล้วจึงอธิษฐาน เพื่อให้บุญนั้นเกิดเป็นความสำเร็จในกิจการงานต่าง ๆ ตามที่เราได้ปรารถนา หรือตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนการที่เราจะอุทิศบุญให้แก่ใคร บุคคลใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับบุคคลต่าง ๆ เหล่านั้น ในแง่ใด สถานการณ์ใด (รวมทั้งที่อยู่ในภพภูมิอื่น ๆ) แล้วจึงอุทิศเจาะจงไปให้ (การอุทิศบุญต้องเจาะจง)

ดังนั้น การเชื่อมบุญ และการพึ่งบุญ ก็เป็นการอุทิศบุญเจาะจงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สุขและความสำเร็จ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆ สิ่งที่พึงปรารถนา หรือตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง
*** (ควรทำให้ได้ทุกวัน ในแต่ละวันที่ได้ทำบุญไป และควรทำบุญให้ครบส่วน ทั้งในส่วนของ ทาน ศีล ภาวนา กรณีไม่มีโอกาสได้ทำทานทุกวัน หรือคิดว่ายังไม่พร้อมเพียงพอในเรื่องทรัพย์ปัจจัยที่จะนำไปใช้ในการทำบุญ ก็ให้ตั้งเจตนาไว้ก่อน โดยหมั่นสะสมทรัพย์ไว้ ใช้วิธีหยอดเงินใส่กระปุกออมสินรวบรวมไว้ก็ได้ แล้วจึงนำไปทำทาน ถวายทาน ในแต่ละสัปดาห์ หรือตามโอกาส ควรทำบ่อยๆ และต่อเนื่อง จะทำให้จิตระลึกถึงบุญกุศลอยู่เสมอ และก่อให้เกิดผลสำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้)


ขั้นตอนการอธิษฐาน และอุทิศบุญ *
ให้ทำเบื้องหน้าพระพุทธรูป (โต๊ะหมู่บูชา หิ้งพระ ถ้าในที่พักไม่มี ก็ให้อยู่ให้ในสถานที่อันควร เป็นที่สงบ แล้วน้อมระลึกถึงพระคุณความดี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีอุปการะคุณทั้งหลาย ) โดยก่อนอธิษฐาน ให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อน และทำตามลำดับ ดังนี้
1. กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย (อะระหัง สัมมาฯ)
2. สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ (อิติปิโสฯ)
3. รับไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ)
4. สมาทานศีล
5. กล่าวคำอธิษฐาน และอุทิศบุญ (ตามตัวอย่าง)
6. กรวดน้ำ อุทิศบุญกุศล (ตอนที่เอาน้ำไปเท ให้เทลงที่พื้นดิน และก่อนเทน้ำ ให้ตั้งจิตบอกแม่พระธรณีว่า “ ขอแม่พระธรณีทรงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศลของลูกนี้ด้วยเถิด ” ก็เป็นอันเรียบร้อย เสร็จพิธี

หมายเหตุ โดยปกติทั่วไป เรามักทำบุญโดยนิยมถวายสังฆทานกัน เพราะหาโอกาสทำได้ง่าย และได้อานิสงส์มาก แต่ในกรณีที่เราไม่ได้ถวายสังฆทาน ก็สามารถประยุกต์ใช้คำอธิษฐานนี้ ในการทำบุญ ทำทานประเภทอื่น ๆ ชนิดอื่นๆ ในแต่ละครั้งได้ โดยปรับให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แล้วน้อมนำผลบุญที่ได้กระทำไปแล้วนี้ อุทิศไปให้แก่บุคคลที่เราปรารถนาจะอุทิศให้ สำหรับการกรวดน้ำ ถ้าไม่มีอุปกรณ์(คนโทกรวดน้ำ) ก็ให้ใช้ขวดเล็ก ๆ ใส่น้ำ แล้วเทรินใส่แก้วก็ได้ เสร็จแล้วก็เอาน้ำไปเทที่พื้นดิน และเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว หากไม่มีโอกาสได้กรวดน้ำในตอนนั้น ณ สถานที่นั้น ก็ให้กลับมากรวดน้ำที่บ้านหรือที่พักก็ได้ และควรทำภายในวันนั้น การอธิษฐานและอุทิศบุญควรทำทุกวันที่ได้ถวายทาน หรือทุกวันที่ได้สร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น

ที่มา : หากเจอวิบากกรรมหนักต้องเร่งสร้างพลังบุญอย่างไร ของ ธ. ธรรมรักษ์

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การทำบุญเร่งลาภให้เร็วขึ้น...เสริมโชคให้ดียิ่งขึ้น


คำว่าโชคลาภ ใครๆก็อยากได้ หรือ การมีทรัพย์สินที่มากขึ้น ทุกคนต่างอยากได้ทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ เพราะขึ้นกับบุญกุศลที่เคยทำไว้ของแต่ละคน ว่าได้ส่งผลในขณะนี้หรือไม่

วิธีที่ผมกำลังเสนอต่อไปนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งจะช่วยเสริมความลาภและการเงินของคุณ โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้

" บริจาคเงินทำบุญถวายเป็นค่าภัตตาหาร หรือยา หรือ นำภัตตาหารไปถวายพระสงฆ์ที่อาพาธ ณ โรงพยาบาล ทุกวันเกิด ติดต่อกันให้ครบ 7 ครั้งอย่าขาด เช่น เกิดวันจันทร์ ก็ไปทำวันจันทร์ ห้ามขาด เกิดวันพุธก็ไปทำวันพุธห้ามขาด ถ้าขาดสัปดาห์ใดสัปดาห์หนึ่ง ให้นับ 1 ใหม่ 7 ครั้งต่อเนื่อง และ ครั้งที่ 7 ให้เตรียมเงินใส่ซองสำหรับถวายพระสงฆ์อย่างน้อย 3 ซอง ซองที่ 1 ถวายพระสงฆ์องค์แรก ซองที่ 2 และ 3 ถวายพระองค์ที่ 2 โดย ซองหนึ่งถวายเป็นปัจจัยส่วนตัว อีกซองหนึ่งฝากท่านทำบุญค่าน้ำค่าไฟวัดที่ท่านอยู่ เรียกว่า ฝากผู้ทรงศีลทำบุญ ถือว่าได้บุญมากกว่าปกติ หากมีพระสงฆ์องค์อื่นอยู่อีกจะถวายด้วยหรือไม่ก็ได้แล้วแต่ศรัทธา "

สำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกในการทำบุญกับพระสงฆ์อาพาธ ก็โอนเข้าบัญชีของ โรงพยาบาลสงฆ์ ถนนศรีอยุธยา ได้ตามนี้

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีอยุธยา
บัญชี ฝากออมทรัพย์ เลขที่ 013-1-85026-1
ชื่อบัญชี เงินบริจาคบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์


เว็บไซท์ : http://www.priest-hospital.go.th/web/index.php

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เคล็ดสำคัญในการสวดมนต์ให้ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยวิธีเพิ่มพลังบุญให้ตนเอง


การสร้างบุญก่อนการสวดมนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญและดีมากๆ ด้วย เพราะทำให้เราตัวเราเองมีบุญใหม่ของตนมารวมกับบุญเก่าที่จะน้อมถวายพระพุทธเจ้า "ต้องเป็นคนดี และมีบุญของตนเองเสียก่อน" เรื่องนี้เป็นเคล็ดลับสำคัญในการสวดมนต์ และสวดคาถาศักดิ์สิทธิ์ทุกบท ที่จะต้องถือว่าเป็นอันดับแรกในการเตรียมตัวที่จะสวดเพื่อให้ชีวิตนั้นรุ่งเรือง ร่ำรวย บำบัดรักษาโรคภัยใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยพลานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดมนต์และคาถานั้น เชื่อว่าหากผู้สวดนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม จะช่วยทำให้คนที่สวดนั้นพบกับความมหัศจรรย์ ในการนำเรื่องดีเข้ามาสู่ชีวิตไม่ขาดสาย จะทำการค้าขายก็เจริญรุ่งเรือง เงินไหลมาเทมา ครอบครัวก็เป็นสุข


เรื่องการปัดเป่าเคราะห์ร้ายหรือภัยพิบัติในชีวิตให้คลายตัวลงหรือหมดไปประจวบกับกรรมนั้นถึงเวลาอ่อนตัวลง และจะกลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เรื่องร้าย หรือสิ่งอัปมงคลเสนียดจัญไร เข้ามาในชีวิตได้อีก บทสวดทุกบทในหนังสือเล่มได้มีการ พิสูจน์มาอย่างยาวนานจากครูบาอาจารย์ที่เคยสวดมาแล้ว แต่ที่หลายคนสวดแล้วบอกไม่ได้เหตุผลสำคัญก็คือ ยังเป็นคนดีไม่พอ หรือบุญที่มีนั้นไม่พอที่จะส่งผลดีต่อชีวิตและความปรารถนาให้สำเร็จได้ หรือมีวิบากกรรมบางอย่างขวางเอาไว้ ทำไมถึงพูดว่ายังเป็นคนดีและยังบุญไม่พอเช่นนี้ เพราะการสวดมนต์นั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำกรรมดี เป็นการเพิ่มฤทธิ์ทางใจ น้อมนำพลังฝ่ายดีเข้าสู่ตัวด้วยอำนาจแห่งอักขระ อำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ในบทสวดมนต์นั้น

แต่อำนาจและคุณความดีเหล่านี้จะเข้าสู่ตัวของผู้สวดไม่ได้เลย หากมีกรรมชั่วภายในสกัดกั้นอยู่มาก อำนาจฝ่ายดีก็ไม่อาจจะแทรกเข้าไปส่งผลได้เลย ครูบาอาจารย์หลายท่านจึงกล่าวตรงกันว่า กรรมดีหรือกรรมขาวนั้นจะไม่สามารถเข้าไปไม่ได้เลย หากมีกรรมชั่วหรือกรรมดำอยู่ในใจ กรรมทั้งสองสิ่งนี้อยู่รวมกันไม่ได้ สิ่งที่สะอาดกับสิ่งสกปรกมันเข้ากันไม่ได้ กรรมชั่วมันจะไปขัดขวางให้สวดไม่ได้ จำไม่ได้แม้แต่จะสมาทานศีล 5 ที่เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับคนไทยแต่ก็ทำไม่ได้ หรือทำให้ต้องมีกิจธุระหรือเหตุการณ์มาทำให้สวดมนต์ไม่ได้

เหมือนขวดน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มขวด แม้พยายามจะกรอกน้ำเข้าไปอีกมันก็ล้นเข้าไปไม่ได้ เพราะน้ำในขวดมันดันไม่ให้เข้าไป แต่อานิสงส์ของบุญและพลังศักดิ์สิทธิ์ของการสวดมนต์นั้นก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน แต่ทว่ายังส่งผลไม่ได้จนกว่า กรรมชั่วหรือกรรมดำนั้นจะลดลง จึงจะเข้าไปส่งผลกับชีวิตของเราได้ ดังนั้นก่อนที่จะสวดมนต์ ทำความดีสร้างมงคลสู่ชีวิตนั้น เป็นเรื่องจำเป็นมากที่ต้องลด ละ เลิกทำความชั่วเสียก่อนในทุกประเภทเพื่อไม่ให้มีกรรมชั่วเพิ่มเติม ในส่วนที่พลาดพลั้งไปแล้วนั้นเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ก็เหมือนน้ำดำหรือยาพิษที่แทรกอยู่ในน้ำสะอาดที่เคยใส่ลงไป



ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล กรรมดีสร้างได้ใหม่ในทุกวินาที หมั่นสร้างบุญกุศลเหมือนเติมน้ำสะอาดเข้าไปในชีวิตเรื่อยๆ น้ำดำหรือยาพิษนั้นก็จะเจือจางลงไป จนไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ เหมือนกับเวลาที่เรามีบุญมาก เป็นช่วงเวลาที่วิบากกรรมฝ่ายดีมาส่งผล วิบากกรรมฝ่ายไม่ดีก็ไม่มีโอกาสที่แทรกมาส่งผลได้ หรืออาจจะส่งผลได้น้อยมากจนเราไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าอยากจะให้ชีวิตดีต้องเริ่มตั้งวันนี้ วินาทีนี้เลย ถ้าอยากให้ชีวิตดีอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ขอให้มั่นใจและมีศรัทธาอย่างมั่นคงว่า “บุญนั้นเป็นที่พึ่งได้จริง”

สำหรับคนที่มีวิบากกรรมไม่ดีมาขวางไว้ ทำให้สวดมนต์ไม่ได้หรือจำบทสวดมนต์แม้แต่สั้นๆ ไม่ได้ หรือเจออุปสรรคกรรมขวางไว้ไม่ให้สวดมนต์ได้ ทางแก้ไขก็คือ หมั่นสร้างบุญกุศล อธิษฐานขอให้อานิสงส์แห่งบุญช่วยให้สวดมนต์ได้และต้องอุทิศบุญนั้นให้เจ้ากรรมนายเวรที่มาขวางทางบุญนี้เสีย ทำบ่อยๆ จนเจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจ เขาจะหลีกทางให้เราสวดมนต์สร้างบุญกุศลได้ สำหรับท่านใดที่ไม่รู้ว่าต้องเองได้รับวิบากกรรมจากกรรมใด เมื่อไหร่แน่ แต่ส่งผลให้มาขัดขวางในการสวดมนต์ ขอให้สร้างบุญกุศลเป็นของตนเองและอุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรแบบเจาะจงว่า

“โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่ขัดขวางการสวดมนต์ ขอให้ท่านมารับบุญกุศลนี้ เมื่อท่านมารับแล้วพอใจในบุญกุศลนี้ ขอให้ท่านถอนตัวจากการขัดขวางการสวดมนต์ด้วยเถิด" หมั่นทำบ่อยๆ แล้วท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เรื่องนี้พิสูจน์มาแล้ว แต่ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ขอให้เป็นสิทธิ์ของท่าน บุญของท่านเอง

ที่มา : http://horoscope.sanook.com/104657/

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

วิธีดึงดูดความร่ำรวย

มิถุนายน 29, 2013 โดย ธ. ธรรมรักษ์

เตรียมตัวร่ำรวยตลอดกาล

ก่อนที่จะพาไปรู้จักเคล็ดบูชาสำคัญ  ที่จะทำให้คุณทุกคนนั้นร่ำรวยได้ จะขอพูดถึงเรื่องสำคัญที่สุดเป็นเรื่องแรก ที่บอกว่าสำคัญที่สุดนั้นหมายความว่า ถ้าคุณไม่ผ่านเรื่องนี้หรือด่านนี้ไปก่อน
วิธีดึงดูดความร่ำรวย

 " บอกได้เลยว่า รวยยากครับ! "


วิธีที่จะดึงดูดความร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมาหาตัวเรานั้น สิ่งที่สำคัญเราต้องเตรียมตัวเองให้มีคุณสมบัติดีพร้อมที่จะรับเสียก่อน เราถึงจะรับความร่ำรวยนั้นได้

จะเปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆ ก็เหมือน ตัวเรานั้นเป็นเครื่องรับโทรทัศน์ การรับคลื่นสัญญาณจากสถานีโทรทัศน์ได้ เราต้องปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกันเสียก่อนถึงจะรับคลื่นนั้นได้

หากตัวเรานั้นมีกำลังคลื่นต่ำ หรือมีกำลังน้อย เราก็ไม่สามารถรับคลื่นเปลี่ยนมาเป็นภาพได้ แบบรับคลื่นได้แต่นำเอามาใช้ไม่ได้ รับเอามาใช้ได้แบบน้อยมากๆ ภาพที่ออกมามันจึงเบลอดูไม่รู้เรื่อง แบบมีคลื่นอื่นรบกวน

ก็เหมือนกับการที่เราจะปลูกบ้านสักหลัง สิ่งที่สำคัญคือ พื้นดินและฐานรากที่มั่นคง ที่มีการเตรียมการณ์อย่างรอบคอบและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในบางคนรู้แต่ทำไม่ได้ เหมือนกับพลังแห่งความร่ำรวย ความโชคดี ความสุขที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเรา อยู่ใกล้ชิดแค่ปลายจมูกเราแท้ๆ แต่เราก็หยิบมาสู่ตนเองไม่ได้ เพราะเราไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอ

ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ในอดีต ท่านรู้เรื่องนี้ดี จึงได้สั่งสอนเอาไว้ วิธีที่จะเตรียมตัวเองให้มีคุณสมบัติที่จะรับความร่ำรวยได้แบบตลอดกาลมีวิธีการดังนี้


1.สร้างบุญใหม่ให้พอ

เชื่อว่าเราคงเคยได้ยิน คำว่า คนบุญน้อย คนไม่มีบุญ ถึงไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเสียที เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอนตามกฎแห่งกรรม ก็ในเมื่อไม่เคยทำกรรมดีสะสมบุญมา แล้วจะเอาบุญที่ไหนมาทำให้ชีวิตมีความสุขได้ จะเอาบุญจากไหนมาทำให้ร่ำรวยได้ หรือเอาบุญมาช่วยแก้วิบากกรรมที่กำลังเผชิญอยู่ได้ให้คลายตัวลงไป

ทุกอย่างในโลกนี้นั้นเป็นเหตุและเป็นผลกันเสมอ เมื่อเราหว่านสิ่งใดลงไป เราก็ต้องได้รับสิ่งนั้น ปลูกอ้อยก็ต้องได้อ้อย จะออกมาเป็นกล้วยนั้นเป็นไปไม่ได้ คนที่ไม่เคยทำทาน ไม่เคยทำบุญไม่เคยที่จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยมีเมตตา กรุณา แล้วจะเอาอะไรมาทำให้รวยได้ มันไม่มีทางเลย

บุญ คือ ต้นกำเนิดของความสุข ความเจริญ

คนทำบุญมามากนั้น จะมีกระแสบุญที่ทำอยู่นั้น จะหมุนเวียนอยู่รอบตัวรอส่งผลให้แก่ผุ้กระทำความดีนั้น อานิสงส์บุญนั้นไม่ได้หายไปไหนไม่ว่าจะทำมาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อ 2 ปี ก่อน 10 ปี 30 ปีก่อน บุญยังอยู่ครบถ้วนทั้งสิ้น แต่จะออกผลออกดอกเมื่อใดนั้น อยู่ที่กรรมกำหนดด้วย

เราคงเคยได้ยินเรื่องคนจนที่ถูกหวยรางวัลใหญ่ ที่มีชีวิตที่ยากจนแสนจนแต่ทำไมถึงถูกรางวัลที่หนึ่ง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาต้องเคยสร้างบุญใหญ่มาก่อนในอดีตชาติแน่นอน แต่ที่เขาเกิดมายากจน ก็เป็นเพราะนอกจากบุญที่เขามีแล้ว เขายังเคยสร้างกรรมที่ไม่ดีหรือความชั่วไว้ด้วย

พอมาในชาตินี้ เมื่อกรรมเก่าได้รับการชดใช้จนลดขนาดลงในการส่งผลในชีวิต ก็เป็นคราวของบุญที่ออกมาแสดงผล ประจวบกับในชาตินี้เขาเพียรสร้างกรรมดีเป็นบุญใหม่ เมื่อบุญเก่ากับบุญใหม่มารวมกัน ก็ได้เรื่อง ผลก็คือ รวยกันเละเทะครับ

แต่ในบางคนการถูกหวยนั้นนำมาด้วยความทุกข์ ต้องหลบต้องซ่อนเพราะมีคนตามมาขอเงินกันวุ่นวาย เรียกว่าเป็น ทุกขลาภ เป็นบุญที่มีวิบากกรมไม่ดีมาส่งผล พร้อมๆ กัน มีกำลังเท่าๆ กัน แต่มีหลายคนที่ถูกหวยแล้วสบายไม่มีใครมาขอแบ่งเงินที่ได้มา เพราะเขามีบุญมากกว่าวิบากกรรมไม่ดี

คนที่จะรวยได้ จำไว้เลยว่าต้องมีทั้งบุญเก่าและบุญใหม่ในชาติ มารวมกัน เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปที่เกิดมายากจนแสนจนในตอนต้น แต่ไม่ยอมจำนนต่อกรรมเก่าคนแบบนี้มีพื้นฐานที่จะรวยได้ในเวลาอันใกล้

เพราะถึงจะรู้ว่ามีกรรมเก่ามาเล่นงาน แต่ก็ไม่ยอมงอมืองอเท้า รอกรรมเก่ามาเล่นงานฝ่ายเดียว เร่งเพียรสร้างบุญ สร้างความดีอย่างต่อเนื่อง บุญกุศลที่ทำไม่ได้หายไปไหนรอส่งผลอยู่เมื่อ กรรมเก่าคลายลง บุญที่เคยทำมาก็ออกดอกออกผล บั้นปลายเขาถึงร่ำรวยได้ จับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด คนพวกนี้ในทางพระเขาเรียกว่า มามืดไปสว่าง

เพื่อความไม่ประมาทนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจะพยายามสอนให้คนเร่งสร้างบุญของตัวเองให้มากพอ ด้วยการให้ทาน การถือศีล และการเจริญภาวนา

การให้ทานนั้นมีอานิสงส์บุญน้อยกว่าการถือศีล และการถือศีลนั้นได้บุญน้อยกว่าการเจริญภาวนา ในศาสนาพุทธที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์พระศาสดานั้น ได้ทรงสั่งสอนสัตว์โลกไว้ว่า ในการสร้างบุญที่ถูกวิธีนั้น รวมเรียกว่า “ บุญกิริยาวัตถุ 10” ขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ  สั้นๆ ว่าใน 10 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง

1.ด้วยการบริจาคทาน
2.ด้วยการรักษาศีล
3.ด้วยการภาวนา
4.ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน
5.ด้วยการช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบ
6.ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น
7.ด้วยความยินดีความดีของผู้อื่น
8.ด้วยการฟังธรรม
9.ด้วยการสั่งสอนธรรม
10. ด้วยการทำความเห็นให้ตรง

ทั้ง 10 ช่องทางนี้เป็นช่องทางแห่งบุญทั้งสิ้น ซึ่งมีโอกาสจะทำได้อยู่ตลอดเวลา มีเพียงข้อแรกข้อเดียวที่ต้องใช้เงินเพราะเป็นการบริจาคทาน เป็นการใช้วัตถุทาน ที่เหลืออีก 9 ข้อนั้นไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว

อยากจะขอแนะนำไว้สักนิดว่า ถ้าอยากจะรวยเร็วๆ ทำตัวเองให้มีบุญมากพอเสียก่อน เหมือนเปิดประตูชีวิตให้กว้างที่สุด เพื่อรองรับเงินทอง ความสุขในชีวิตที่จะไหลเข้ามาแบบไม่หยุดยั้ง

อยากรวยต้องเร่งทำบุญก่อนครับ ไม่มีเงินไม่ต้องกลัว พยายามทำตั้งแต่ข้อ 2-9 ให้ได้ รับรองว่าเตรียมตัวรวยกันได้เลยและยิ่งมีการให้วัตถุทานด้วยแล้วก็จะเร็วขึ้น

เพราะการให้นั้นเป็นหัวใจสำคัญแห่งความรวยจริงๆ  คนที่รู้จักการให้ ยิ่งให้จะยิ่งได้รับตอบแทน เป็นกฎแห่งกรรมและกฎแห่งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ เคล็ดลับที่สำคัญในการให้ทานนั้น มีอยู่แค่ 3 ประการที่ทุกคนทำได้ง่ายดายมาก คือ


วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ หมายถึง วัตถุหรือเงินที่ซื้อวัตถุทานนั้น เป็นเงินที่มาจากการทำงานที่สุจริต ไม่ไปเบียดเบียน กรรโชก คดโกงใครมา ยิ่งมาจากน้ำพักน้ำแรง จากความยากลำบากยิ่งจะมีอานิสงส์มากเพราะเจตนานั้นสูงมาก

วัตถุทานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากที่จะได้บุญมากเสมอไป ขอให้เงินบริสุทธิ์ ที่มาของวัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ แม้เพียงสลึงเดียวก็ได้บุญมากกว่าเงิน 10 ล้านของนักการเมืองที่โกงประเทศชาติมาหรือพ่อค้าที่โกงคนอื่นมา

สำหรับการให้วัตถุทานนั้น มี 3 ประเภทและมีอานิสงส์แตกต่างกันที่เราควรรู้ไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้ แบ่งออกเป็น


ทาสทาน หมายความว่า การให้ของที่เลวกว่าที่เรากิน หรือของที่เลวกว่าที่เราใช้
สหายทาน หมายความว่า การให้ของเสมอที่เรากินอยู่ หรือที่เราใช้อยู่
สามีทาน หมายความว่า การให้ของที่ดีกว่าที่เรากินที่เราใช้อยู่

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องของทาสทาน การทำทานหรือให้ของที่เลวกว่าที่เรากิน หรือเราไม่ใช้แล้ว  ถึงจะมีอานิสงส์แต่ก็อยู่ในความลำบาก ในสมัยพุทธกาล ท่านอาฬวีเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์ แปดสิบโกฏิ ถ้าเทียบในสมัยก็ประมาณเจ้าสัวใหญ่

พระราชาจึงตั้งเป็นมหาเศรษฐี ที่แปลว่า ใหญ่กว่าเศรษฐีทั้งปวง ทั้งนี้เป็นเพราะในอดีตชาติได้ทำทานไว้มาก แต่น่าเสียดายที่ทานที่แกทำมาตลอดนั้นเป็นของเลว เป็นของที่คัดออกมาแล้วว่าแม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากใช้ แกเอาไปทำทาน

ดังนั้นในชาติต่อมา อานิสงส์ของการทำทานนั้น ส่งผลทำให้เป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองมากมายก็จริง แต่ว่าขอโทษที ข้าวที่จะกินเม็ดสวยๆ ก็กินไม่ได้ ต้องกินข้าวหักหรือปลายข้าวจึงจะกินได้ กับข้าวต้องกินแต่ของที่เน่าเสียแล้ว หรือคนแทบกินไม่ได้

ของทุกอย่างที่แกใช้ทุกอย่างต้องเป็นของเลว ผ้าที่นุ่งก็ต้องนุ่งผ้าเก่า ใช้ผ้าใหม่ไม่ได้เลยเพราะมันคันไปหมดนอนไม่ได้ มีความเป็นอยู่ที่ลำบากมากถึงแม้จะมีเงินทองมากมาย

ในบ้านเรา ก็มีเศรษฐีที่ทำทานแต่ของเลวมากมาย ถ้าเราสังเกตดูดีๆ เมื่อไม่นานมานี้ ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีคนรวยคนหนึ่ง มีเงินนับเป็นร้อยๆ ล้าน แต่ชีวิตของแกนั้นเหมือนกับท่านอาฬวีเศรษฐีทุกประการ

มีเงินทองมากมายแต่เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวมากๆ  ในเกือบทุกวัน คนรวยคนนี้ต้องกินข้าวต้มเม็ดเละๆ จากปลายข้าวที่เหลือจากการขายในร้าน เอามาต้มกินกับก้อนกรวดแช่เกลือ กินอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ไม่มีเงินนะ แต่ไม่ซื้อกิน เพราะใจมันมัวแต่คิดตะหนี่ขี้เหนียว ใจมันเสียดายอยู่ตลอดเวลา ทำให้แกเป็นโรคร้าย เพราะชั่วชีวิตนี้ไม่เคยกินอาหารดีๆ กับเขาเลย

เวลาแกเจ็บป่วยไปนอนโรงพยาบาล ลูกก็อยากให้พ่อได้กินผลไม้ดีๆ ไปซื้อมังคุดกิโลละ 30 บาทมาให้กิน คนรวยคนนี้แม้จะนอนเจ็บพูดแทบไม่ได้ แต่พอแกพอเห็นมังคุดที่ลูกเดินถือเข้ามาเท่านั้น

แกโกรธลูกมาก เหมือนลูกไปทำความผิดอะไรมาใหญ่โต แกด่าเสียเละเทะเลยว่า ไปซื้อมาทำไม เปลืองเงิน ด่าลูกจนลูกร้องไห้ แกด่าว่าโง่เหมือนควายใช้เงินไม่เป็นทั้งๆ ที่ลูกนั้นตั้งใจดีเห็นพ่อป่วย อยากจะซื้อผลไม้ดีๆ มาปอกให้พ่อได้กินชื่นใจ

คนรวยแบบนี้มีเงินมากก็จริง แต่ทั้งชีวิตไม่ได้รับสิ่งดีๆ เลย มีเงินเหมือนมีเศษกระดาษ มีทองเหมือนเป็นก้อนหิน เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทาสทาน คือ แกเคยทำทานด้วยของไม่ดีมาก่อนนั่นเอง

ดังนั้นจะขอแนะนำว่าเวลาที่จะทานควรพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยว่า เราให้ของที่ดีที่สุด ประณีตเท่าที่จะทำได้ในเวลานั้นหรือไม่

ผู้ให้บริสุทธิ์ หมายถึง คนที่ให้มีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งก่อนให้ ขณะให้และหลังการให้ ไม่คิดหวังผลตอบแทน ประเภททำบุญสิบบาทหวังถูกหวย 10 ล้าน ก็จะยากสักหน่อย เพราะหวังผลตอบแทน กิเลสตรงนั้นที่เกิดขึ้นจะเป็นลดทอนบุญที่ควรจะได้ลงไป เป็นอุปสรรคมาขวางทางบุญไว้

ที่บอกว่าเวลาที่ทำบุญแล้วควรทำใจให้สบาย ทั้งก่อนให้ทานนั้น หมายความว่า เรามีความตั้งใจที่จะทำบุญ เพื่อเผื่อแผ่ผู้อื่นให้มีความสุข เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง เป็นหลักชัยในการสั่งสอนคนให้ดี

กำลังให้ทานนั้น ใจของเราต้องไม่คิดอะไรไปวุ่นวาย บางคนกำลังให้ทาน จะชอบคิดสงสัยหรือวิตกว่า ของที่เรากำลังให้นั้นสมควรที่ผู้รับจะได้ไปหรือไม่ คิดว่าเขาจะเอาไปทำอะไร คิดมากจนจิตมันส่าย แทนที่จะนิ่งเพื่อให้ทานนั้นสำเร็จ เกิดบุญ กลับกลายเป็นว่าไปลดทอนกำลังบุญเสีย

และหลังการให้ทาน ไม่ควรเสียดาย หรือมีใจคิดฟุ้งซ่านไปอีก ประเภท ของที่เราให้ไปเมื่อตะกี้จะถึงวัด เขารับไปแล้วจะถึงวัตถุประสงค์ของเราหรือไม่ อย่าไปคิดแบบนั้น เมื่อให้ไปแล้วก็จบกันไป ถือว่าให้ขาดไปเลย

การอธิษฐานหลังทำบุญนั้นก็สำคัญ ควรที่จะอธิษฐานไปในทางดี เพื่อให้เรามีความสุข ความขัดข้องอุปสรรคต่างๆ  ความไม่มี ความขัดสน อย่าเกิดในชีวิตก็พอ อย่าไปอธิษฐานแบบมีข้อแม้แบบขอไปด้วยในตัว

ประเภทว่า ขอให้บุญนี้ส่งผลให้ถูกหวย ส่งผลให้สอบได้ ส่งผลให้ขายนั่นขายนี่ได้ เจาะจงลงไปอย่างนั้นอย่างโน่น ตกลงเรามาทำบุญเพื่อละกิเลส สร้างกำลังใจที่จะเพียรทำความดี หรือมาทำบุญเพื่อการลงทุนกันเพื่ออะไรกันแน่

ขอแนะนำว่า ขอให้เพียรทำความดี ให้ทานโดยไม่หยุดยั้งเท่าที่เราจะทำได้  เมื่อถึงเวลาบุญจะทำหน้าที่ตามเหตุและปัจจัย บุญนั้นจะส่งผลให้เราอัศจรรย์ใจแน่นอน มีตัวอย่างมามากมาย


ผู้รับนั้นบริสุทธิ์ คือ ผู้รับนั้นยิ่งมีศีล เป็นคนดี บริสุทธิ์ มีความชอบธรรมมากเท่าใด บุญที่เราให้ก็จะเกิดผลมากขึ้นเท่านั้น ผู้รับที่บริสุทธิ์มาก เรียกว่า เป็นคนที่มีเนื้อนาบุญสูง สิ่งเหล่านี้เป็นเคล็ดลับ สำคัญที่จะทำให้เรามีความสุข ความเจริญ นำความร่ำรวยมาสู่ชีวิตได้ แบบยิ่งทำยิ่งรวยแน่นอน

ขอให้พึงสังเกตอะไรอย่างหนึ่ง คนรวยนั้นทำไมมักชอบทำบุญกับพระผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพกราบไหว้มากมาย  ก็เพราะเขารู้ว่า ท่านเหล่านั้น เป็นผู้ที่มีเนื้อนาบุญสูง พระผู้ใหญ่เหล่านี้เมื่อรับทานมาแล้ว ท่านจะรีบไปสร้างบุญต่อ ทั้งสร้างโรงพยาบาล สร้างวัด หรือสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ สงเคราะห์คนหมู่มาก บุญนั้นก็ออกดอก ออกผลมากขึ้น

และผู้ที่ทำทานก็จะได้บุญมากขึ้นๆ เพราะ ทุกคนที่มาใช้บริการนั้น เขาจะรู้สึกขอบคุณ มีการโมทนาบุญนั้นตลอดเวลา จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านไม่รู้จบ ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า บุญงอกออกมา

หลายคนบอกว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านไหนมีเนื้อนาบุญสูง ท่านไหนบริสุทธิ์แค่ไหน ขอให้ดูที่วัตรปฏิบัติของท่านเป็นสำคัญ หรือถ้าไม่รู้ หรือไม่มีโอกาสได้ไปทำบุญกับท่าน แต่อยากได้บุญมากมีวิธีแบบง่ายๆ แต่ได้ผลเลิศ

ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า  "เวลาที่เราใส่บาตร ทำสังฆทานหรือทำบุญด้วยวิธีใดนั้น ขอให้อธิษฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าไปเลย พระสงฆ์ที่ท่านกำลังรับนั้น ท่านเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ เราทำบุญกับพระพุทธเจ้าโดยตรง อานิสงส์ของบุญนั้นจะมากมายขนาดไหน ลองนึกเอา"

นอกจากตัวเราเองเป็นผู้ทำบุญแล้ว การที่เราเป็นผู้ที่ชอบชักชวนผู้อื่นให้ทำบุญนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้มีบุญมาก และร่ำรวยมากขึ้นได้เพราะการชักชวนผู้อื่น กลายเป็นเครือข่ายของกัลยณามิตร ที่จะช่วยส่งเสริมกันและกันในทางดีทุกวิธีทาง

พระพุทธเจ้า ท่านตรัสสอนไว้ ในเรื่องของการทำบุญไว้ว่า

“บุคคลใดทำบุญด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่น ถ้าเกิดในชาติต่อไปจะร่ำรวยโภคสมบัติ แต่ขาดเพื่อน ขาดบริวารสมบัติ

ถ้าดีแต่ชักชวนเขาไม่ทำเอง ชาติต่อไป มีเพื่อนมาก แต่ตัวเองจน

ถ้าทำบุญด้วยตนเองด้วย ชักชวนผู้อื่นด้วย รวยด้วย มีพรรคพวกมากด้วย”

อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ลองพิจารณาดูก็ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ลองสังเกตคนที่อยู่รอบๆ ตัวเราว่าเป็นอย่างที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสเอาไว้หรือไม่

ประเภทรวย แต่ไม่มีเพื่อนเคยเห็น เคยได้ยินได้เห็นมาหรือไม่

ประเภทเพื่อนเยอะ แต่จนแสนจน มีหรือไม่

ประเภททั้งรวย ทั้งมีเพื่อนมากมาย ทำอะไรทีก็มีคนมาช่วย เพราะรู้จักคนเยอะ

ในบรรทัดสุดท้ายนั้นสำคัญมาก ขอให้เราลองมาพิจารณากันดู ถ้าทำบุญด้วยตนเองด้วย ชักชวนผู้อื่นด้วย รวยด้วย มีพรรคพวกมากด้วย เรื่องนี้นั้นสำคัญมาก เพราะสายใยแห่งบุญที่เชื่อมคนที่ทำบุญร่วมกันมานั้น จะทำให้การทำงานใดๆ การค้าขายใดๆ นั้นสำเร็จได้โดยง่าย เพราะมีบุญกลุ่มหนุนนำอยู่

เปรียบเหมือนกับกระแสน้ำ ถ้าไหลมาจากที่เดียวนั้น อาจจะมีพลังน้อย แต่ถ้าไหลมาจากหลายสายรวมกัน ก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครต้านทานได้ วิบากกรรมไม่ดีที่มีกำลังน้อยกว่า ไม่มีทางต้านได้เลย เมื่อไม่มีอุปสรรคขัดขวาง งานที่ทำนั้นก็เกิดผลดีได้ง่ายดาย

ในบริษัทใหญ่หรือองค์กรใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการทำมาค้าขายนั้น ขอให้สังเกตกันเถอะว่า คนในบริษัทนี้ชอบทำบุญกันทั้งนั้น เวลาไปทำบุญกันทีจะไปหรือทำกันเป็นหมู่คณะ บุญที่ได้จึงเป็นบุญกลุ่มที่ใหญ่และส่งผลได้มาก อานิสงส์บุญนั้นเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ทำให้บริษัทหรือองค์กรนั้น เจริญขึ้นแบบรวดเร็ว รวยเอาๆๆ

เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วว่า เราควรสร้างบุญอย่างใดดี ก็เร่งพิจารณาเอาเองว่า ถ้าอยากจะเป็นคนรวย มีความสุข มีพวกพ้องมากมาย ทำอะไรก็สำเร็จตามที่ตนนั้นปรารถนา ควรทำบุญด้วยของที่ดี ทำทานให้ครบทั้ง 3 ประการและชักชวนคนอื่นมาร่วมสร้างบุญด้วยกัน

อยากจะเป็นคนที่มีความสุขและร่ำรวยตลอดกาล ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน  เป็นคนดี หมั่นสร้างบุญกุศล เรื่องของกรรมเก่า ชาติเก่านั้นเราไม่มีทางรู้ได้ว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง และจะต้องไปตามแก้กันอย่างไร

ซึ่งที่จริงแล้ว กรรมนั้นแก้ไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้วต้องส่งผลแน่นอน ที่บอกกันว่าไปแก้กรรมนั้น เป็นเรื่องเข้าใจกันผิดๆ และเป็นการเล่นคำที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

ขอให้เข้าใจด้วยว่า ที่บอกว่าแก้กรรมได้ ในความเป็นจริงก็คือ การไปขออโหสิกรรมเพื่อให้กรรมนั้นยุติการส่งผลหรือเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา  เมื่อเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจได้รับการชดใช้หรือใจดี เพราะเห็นเราสำนึกผิด ทำความดี ทำบุญไปให้เขา เขาก็ยกโทษหรือลดโทษให้

แต่ยังคงได้รับเศษเวรเศษกรรมอยู่ดี จากที่น่าจะตายก็เหลือเพียงแขนหัก ขาหัก น่าจะไฟไหม้หมดตัว ก็เหลือเพียงไหม้แค่ห้องครัว น่าจะต้องสูญเสียคนที่รัก ก้เหลือเพียงเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

กรรมบางกรรมที่ไม่ใช่กรรมหนักนั้น ชาตินี้อาจจะไม่ส่งผลเลยก็ได้ ที่ไม่ส่งผลนั้นในชาตินี้ มีหลายสาเหตุ แต่ที่แน่ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า บุญใหม่ที่เราทำในชาตินี้ มีอานิสงส์ มีกำลังมากกว่า ทำให้วิบากกรรมเก่าที่ไม่ดีส่งผลไม่ได้หรือที่เรียกว่า สร้างบุญใหม่หนีกรรมเก่านั่นแหละ

ขอให้คิดว่า ชาติเก่าเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ เราไม่รับรู้แล้ว มันจบไปแล้วไปแก้ไขอะไรไม่ให้มันเกิดไม่ได้แล้ว   เอาชาตินี้ ชาติที่เห็นกันชัดๆ ดีกว่า อย่ายอมจำนนต่อกรรมเก่า เร่งสร้างกรรมดี สร้างบุญ ให้ส่งผลให้เห็นกันเลยในชาตินี้ จงจำไว้เสมอว่า


คนมีบุญเท่านั้นที่จะรวยได้เท่านั้น 
ที่มา : https://torthammarak.wordpress.com/2013/06/29/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2/

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

10 วิธีสวดมนต์ ที่ทำแล้วชีวิตจึงดี มีสุข (1 แชร์ เท่ากับ 1 ธรรมทาน)


1. ก่อนสวดให้เลือกเวลาและสถานที่ที่จะมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด เช่น ห้องนอนของตัวเองในเวลาก่อนนอน, ห้องนอนของตัวเองในเวลาตื่นนอน ไม่จำเป็นต้องไปถึงวัดก็ได้ “เพราะการทำดี ทำได้ทันทีโดยไม่ต้องเลือก ไม่ต้องรอ”

2. เคลียร์ความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่งที่สุด อะไรที่ทำให้คิดมาก จิตตก รู้สึกแย่ อาฆาตพยาบาท โกรธเคือง โยนทิ้งออกไปก่อนชั่วคราว “การสวดมนต์เพื่อหวังจะลบความรู้สึกแย่ในใจ ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น” เพราะมันจะเหมือนกับเศษตะกอนที่อยู่ในน้ำ ต่อให้เติมน้ำที่กลั่นมาใสสะอาดเท่าไหร่มันก็ยังขุ่นอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่พร้อมจะสวดจริง ๆ อย่าเพิ่งสวด

3. ความยาวของคาถาไม่ได้การันตีว่าชีวิตจะดีขึ้นจริง ๆ เอาแค่เซตคาถาที่พอจูนสมาธิให้กับตัวเองได้สัก 3-5 นาทีเป็นอย่างต่ำ เช่น สวดอะระหังสัมมาฯ+คาถาชินบัญชร, สวดอะระหังสัมมาฯ+อิติปิโสฯ+พาหุงฯ+ชินบัญชร สุดแท้แต่ที่จะเลือกมาสวด คาถาไหนก็ได้ความหมายที่ดีทั้งนั้น

4. ต่อให้คาถานั้นมีความหมายถึงลาภยศสรรเสริญอยู่จริง “อย่าโฟกัสให้จิตจ้องลาภ” เพราะนั่นเท่ากับว่าเราหมกมุ่นยึดติดกับเงินทองมากเกินไป ควรโฟกัสที่การใช้เวลาสวดไปเพื่อการจูนสมาธิและจิต ให้ว่างเปล่า บริสุทธิ์ พร้อมจะคิดอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ เพิ่มขึ้นมาได้ (คิดดี ทำดี เป็นรากฐานก็การได้รับสิ่งดี)

5. นั่งในท่าที่สบาย ขัดสมาธิก็ได้ พับเพียบก็ได้ แต่ก็ให้เป็นท่าที่สามารถอยู่นิ่งได้นาน ไม่ปวดทรมาน ไม่เหน็บชา จนต้องขยุกขยิกบ่อย ๆ ให้เสียสมาธิ

6. เคล็ดลับการนั่งสวดมนต์ (ไปจนถึงนั่งสมาธิ) นาน ๆ ก็คือ ควรนั่งให้หลังตรง ไม่ค่อมตัว ไม่แอ่นตัว เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้โล่งพร้อมรับลมหายใจที่ไหลเวียนได้สะดวก (ออกซิเจนมีผลต่อระบบร่างกายเรา หากไม่ได้รับในปริมาณที่เพียงพอ เพียงแค่เรานั่งผิดองศา เราจะง่วงซึม ปวดเมื่อย รู้สึกมึน)

7. ผลพลอยได้จากการนั่งหลังตรง ไม่เพียงแต่สมาธิที่ดี แต่ยังได้บุคลิกภาพที่สง่างามด้วย

8. ในขณะที่สวดมนต์จะเปล่งออกเสียง หรือพูดแบบกระซิบก็ได้ “ขอให้ปากได้ขยับตามบทสวดแบบชัดถ้อยชัดคำ” อย่าบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์เหมือนเด็กหัดพูด เพื่อให้รู้ตัวว่ากำลังสวดมนต์อยู่ในขณะนี้ ปัจจุบันนี้ จิตไม่ได้ล่องลอยไปไหน (ในทางความเชื่อ การสวดให้ชัดถ้อยชัดคำ ก็เพื่อให้พระท่านรับรู้ว่าเราต้องการจะสื่อสารอะไร ท่านจะได้ประทานพรได้ถูก แต่ถ้ามองในทางวิทยาศาสตร์หรือจิตวิทยา เสียงที่เปล่งออกมา ปากที่ขยับ มันคือการฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันที่สุด)

9. สวดมนต์แล้วอย่าลืมนั่งสมาธิเพื่อภาวนา แผ่เมตตาให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และสิ่งที่มองไม่เห็น ใครหรืออะไรก็ตามที่มีผลต่อชีวิตเรา ทั้งในด้านดีและด้านร้าย ทั้งในด้านที่เป็นมิตรและเป็นศัตรู ขอให้พยายามนึกเรื่อย ๆ … กล่าวขอบคุณ, ขอโทษ และให้อภัยพวกเขาในขณะที่หลับตา (ในทางพุทธศาสนา คือ การนึกถึงเรื่องเวรกรรมบาปบุญ สร้างบุญให้กับตนเองและผู้อื่น แต่ในทางจิตวิทยา คือ การชำระจิตให้สะอาดกว่านี้ ไม่ให้รู้สึกว่าติดค้างอะไร แถมยังได้กำลังใจจากการนึกถึงแต่สิ่งดี ๆ อีกด้วย)

10. หลังจากสวดมนต์จบแล้ว พยายามตัดนิสัยไม่ให้ตัวเองผิดศีล 5 ถ้าเป็นเวลานอน (สวดมนต์ก่อนนอน) สวดมนต์-นั่งสมาธิแผ่เมตตาเสร็จแล้วก็รีบนอนเลย อย่าประวิงเวลาแม้กระทั่งเช็คเฟส เช็คไลน์แค่นาทีเดียว เพื่อให้นอนฝันดีที่สุดจากจิตที่เพิ่งชำระสะอาดมาหมาด ๆ

ถ้ายังต้องมีกิจกรรมอื่นหลังจากสวดมนต์-นั่งสมาธิจบแล้ว เช่น จะต้องออกไปทำงาน, ออกไปข้างนอก หรืออะไรก็ตาม ให้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ผิดศีล 5 เลยภายในกี่ชั่วโมงก็ว่ากันไปตามแต่สะดวก อาจพัฒนาจากไม่กี่ชั่วโมงเป็นทั้งวันได้ยิ่งดี (ในทางความเชื่อ ก็เหมือนกับว่าถ้าเราอยากจะได้สิ่งดี อยากให้พระท่านประทานพร เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นก่อนว่าเราจะทำดีจริง ๆ โดยมีศีล5กำกับ แต่ถ้าในทางจิตวิทยามันก็คือการดัดนิสัยตัวเองให้ได้รับพลังบวกมาก ๆ จากการทำดี คิดดีให้มากนั่นเอง)

เลือกปฏิบัติกันได้แล้วแต่คุณจะสะดวก อาจจะไม่ทุกวัน แต่ขอให้สม่ำเสมอจนเป็นนิสัย … สุขภาพกายและสุขภาพจิตดี ผลตอบแทนที่ดี เราเริ่มได้จากตัวเรา

ที่มา : share-si.

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559

ทำไมสำหรับบางคนใช้เบอร์เสีย แต่กลับสร้างชีวิตได้?

ทำไมสำหรับบางคนใช้เบอร์เสีย แต่กลับสร้างชีวิตได้?...
คำถามนี้เคยเกิดขึ้นกับผมเช่นกัน ก่อนค้นพบ "จลนลัคน์ศาสตร์"...



ก่อนผมจะค้นพบ "จลนลัคน์ศาสตร์" นั้นผมก็มีความรู้สึกว่า...ทำไมบางคนไม่มีเลขที่ดีเลย มีแต่เลขเหนื่อยๆ ทำไมสำเร็จในชีวิตได้...ผมได้สอบถามและทำนายทุกอย่างตามหลัก ศาสตร์พลังงานตัวเลข หรือ เลขศาสตร์ แล้วก็ตรงตามที่ ศาสตร์พลังงานตัวเลขให้ความหมาย ซึ่งผมก็มองว่า ก็น่าจะนะ...เพราะคนๆนั้นเก่งจริง เจอปัญหามาเยอะยังผ่านมาได้

เมื่อผมได้ค้นพบ "จลนลัคน์ศาสตร์" ผมก็เอาหลักการนี้ไปวิเคราะห์เลขของคนเหล่านี้ ปรากฏว่า...เลขแต่ละตัวส่งเสริมเจ้าของเบอร์ชัดๆ...ไม่ว่าจะการงาน การเงิน ลูกน้องบริวาร เพียงแต่วางไม่ถูกหลัก พลังงานตัวเลข เท่านั้น ก็เลยทำให้เกิดโทษในแบบของ หลักพลังงานตัวเลข แต่ก็ยังส่งเสริมให้เขามี การงานที่ดี การเงินที่ดี

ดังนั้น การวางตัวเลขที่ถูกต้องจำเป็นจะต้องวางให้ถูกหลักการทั้ง 2 ศาสตร์ คือ ศาสตร์พลังงานตัวเลข และ จลนลัคน์ศาสตร์ เพื่อที่ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์สูงสุด

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) กับ เบอร์โทรศัพท์ ตอนที่ 2


หลักการจาก ตอนที่แล้ว คือการปรับตัวเรา และ จิตใต้สำนึกเรา ให้เป็นพวกเดียวกับสิ่งที่เราต้องการที่จะเป็น (หากใครยังไม่ได้อ่าน :
กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) กับ เบอร์โทรศัพท์ ตอนที่ 1 กลับไปอ่านก่อนนะครับ ) การที่เราฝึกนึกคิดเป็นภาพบ่อยๆ จะไปกระตุ้นจิตใต้สำนึกของเรา ซึ่งหลับไหลอยู่ จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้หลับหรอกครับ มันทำงานอยู่ตลอดเวลา และมันก็เป็นตัวชักนำเราไปเจอเหตุการณ์ต่างๆ และประสบการณ์ต่างๆ

จิตใต้สำนึก (Unconscious Mind) มีความสามารถอย่างมาก มีความสามารถติดต่อกับจักรวาล ซึ่งสามารถดลบันดาลสิ่งที่ต้องการให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็น รถ บ้าน คนรัก และอื่นๆ อีกทั้งจิตใต้สำนึกยังดลบันดาลที่ที่เราไม่ต้องการให้กับตัวเราอีกด้วย เช่น ความยากจน อุปสรรค ปัญหา การหย่าร้าง อุบัติเหตุ ฯลฯ
โดยการทำงานของมันจะตรงไปตรงมา หากเราคิดถึงสิ่งนั้นบ่อยๆ และมากๆ เราจะดึงดูดเหตุการณ์นั้นๆเข้ามาในชีวิตของเรา
ดังนั้นถ้าคุณต้องการอะไร ให้คิดถึงสิ่งนั้นบ่อยๆ คิดจินตนาการมองให้เห็นเป็นภาพ สิ่งนี้ก็จะถูกส่งเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคุณ

แล้วเกี่ยวอะไรกับเบอร์โทรศัพท์ล่ะ?
เกี่ยวแน่นอนครับ อันดับแรกเราต้องรู้ก่อนว่า โทรศัพท์มือถือ มีคลื่นความถี่อยู่ในตัวมันและปลดปล่อยออกมาตลอดเวลา และที่สำคัญความถี่คลื่นวิทยุนั้นมีผลต่อสมองอีกด้วย
และความประหลาดคือ เมื่อผู้ใช้ ใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นบ่อยๆ หรือ เบอร์นั้นบ่อยๆ ติดต่อกันไปเป็นเวลานาน ผู้ใช้กับมีพลังงานแบบเดียวกับหมายเลขที่เขาใช้ ซึ่งสามารถนำมาทำนายตามหลักพลังงานตัวเลขได้อีกด้วย
โดยการที่มีคลื่นแม่เหล็กแผ่ออกมาตลอดเวลา พลังแม่เหล็กนี้จึงไปกระตุ้นเซลล์สมองส่วนลึกให้สร้างเซลล์ขึ้นมาในรูปแบบพลังงานเดียวกับตัวมัน ซึ่งเซลล์ตัวนี้ก็เข้าไปกระตุ้นการทำงานของ ความคิด และอารมณ์ของผู้ใช้ ซึ่งส่วนที่เป็น ความคิดและอารมณ์ตรงนี้นี่เองที่จะถูกส่งเข้าไปยัง จิตใต้สำนึกของผู้ใช้ และ จิตใต้สำนึกก็จะทำงานตามกฎแรงดึงดูด ดึงดูดสิ่งเดียวกันตามลักษณะเบอร์ของผู้ใช้ มาหาตัวผุ้ใช้เอง
การทำงานของคลื่นแม่เหล็กมีความต่อเนื่องกว่าความคิดและการจินตนาการของเรา เพราะเราจะมีเวลาคิดและจินตนาการได้ในช่วงเวลาสั้นๆช่วงเดียวเท่านั้น แต่คลื่นแม่เหล็กทำงานตลอดเวลาที่เปิดและอยู่ใกล้เรา ดังนั้นเบอร์โทรศัพท์จึงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ กฎแรงดึงดูด ทำงานได้อย่างดี

ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้ชีวิตคุณดีขึ้น จึงควร คิดแต่เรื่องดีๆ จินตนาการแต่เรื่องดี และใช้เบอร์ที่มีความหมายดีๆด้วย เพื่อที่สิ่งดีๆจะได้ถูกดึงดูดเข้ามาหาคุณ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) กับ เบอร์โทรศัพท์ ตอนที่ 1


กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) ในทางจิตวิทยาเราพึ่งได้รู้จักกันแพร่หลายไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง เนื่องจากความดังของหนังสือ "The Secret (เดอะซีเคร็ต) ของ Rhonda Byrne (รอนดา เบิร์น)" ซึ่งจริงๆแล้ว กฎนี้ถูกใช้มานานแล้ว อาจจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะยังมีหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องทำนองนี้ ซึ่งถูกเขียนไว้เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ของ นโปเลียน ฮิลล์ เช่น หนังสือ คิดแล้วรวย หรือ Think and grow rich , The Law of success หรือ หนังสือปรัชญาชีวิตศาสตร์แห่งความสำเร็จ  ซึ่งได้รวบรวมแนวคิดของคนประสบความสำเร็จไว้ กว่า 1,000 คน และรวบรวมไว้เป็นทฤษฎีความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าผู้สำเร็จทุกคนมีส่วนคล้ายกัน คือ จะมีความคิด และ การจินตนาการถึงความสำเร็จอยู่เสมอ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction)

คุณจะได้อะไรจากการใช้หลักการของกฎแรงดึงดูด?
คำตอบคือ...คุณจะได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ หากคุณยังคงเดินตามแนวทางนี้อย่างเคร่งครัด...ไม่ว่าจะเป็น บ้านในฝัน รถในฝัน ฐานะทางการเงิน สุขภาพ หรือแม้แต่คู่ครอง

เชื่อได้รึ?
คำตอบคือ...
ขึ้นอยู่กับคุณ เพราะการทำอะไรโดยปราศจากความเชื่อมักจะทำสิ่งนั้นแบบครึ่งๆกลางๆ เมื่อทำแบบครึ่งๆกลางๆก็จะไม่ประสบความสำเร็จ...
แต่ถ้าหากอยากพิสูจน์ ก็สามารถพิสูจน์ได้ โดยทำเต็มที่เชื่อเต็มที่...และระบุเวลาไว้และพิจารณา

ขั้นตอนการปฏิบัติในการใช้กฏแรงดึงดูด

1. ขอ คือ
การคิดว่าอยากได้อะไร แนะนำให้ขอเพียง 1 ข้อเท่านั้นที่ตอบโจทย์ทั้งหมดของชีวิตคุณ เพื่อที่จิตจะได้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้ วิธีการขอคือ
  1. การตั้งเป้าหมาย ว่า คุณต้องการอะไร?
  2. เขียนเป้าหมายลงไป หรือ อาจจะทำเป็นภาพความสำเร็จของคุณก็ได้
  3. ติดมันในตำแหน่งที่คุณจะเห็นได้ชัดตลอดเวลา
  4. นั่งดูภาพความสำเร็จนั้นทุกวัน โดยใช้เวลาประมาณ 5 -15 นาทีในการจินตนาการภาพความสำเร็จนั้น   
2. เชื่อ คือ การเชื่อว่าเราจะได้รับสิ่งนั้นแน่นอน
3. รับ คือ ทำตัวเหมือนว่าได้รับสิ่งนั้นแล้ว และรู้สึกว่าได้สิ่งนั้นแล้วจริงๆ และทำตัวในแนวเดียวกับสิ่งที่คุณจะเป็น เช่นคนที่ได้รับสิ่งนี้ควรมีความคิดอย่างไร ทำอย่างไร เวลาเจอปัญหาแก้อย่างไร
และคิดบวก

คิดอย่างไรคือการคิดบวก?
การคิดบวกคือการที่เราคิดว่าทุกอย่าที่เกิดกับชีวิตเราดีหมด...ให้คิดว่าทุกๆวันเราจะเจอแต่สิ่งที่ดี...และเวลาเราเจออะไรมากระทบใจในทางที่ไม่ดีก็ให้หาเหตุผลให้คิดบวกได้เสมอ...โดยถ้าเจอเรื่องที่ไม่ใหญ่มากเราจะหาเหตุผลได้เร็ว...แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆ เหตุผลมักจะมาให้เห็นเป็นเดือนหรือเป็นปี


ในตอนต่อไป จะกล่าวถึง กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) กับ เบอร์โทรศัพท์  ว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างไร?

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

มารู้จักกับ "จลนลัคน์ศาสตร์" หรือการออกแบบเบอร์โทรศัพท์ส่วนบุคคลกัน


จลนลัคน์ศาสตร์ (ชื่อนี้ผมตั้งเอง 555+) เป็นทฤษฎีที่เอามาใช้คู่กับ "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" ที่ใช้กันอยู่แพร่หลาย คิดเพื่อนำมาอธิบายหลายๆเหตุผลที่ "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  ไม่สามารถอธิบายได้ เช่น
1. บางคนเปลี่ยนมาใช้  xxx-789xxxx ซึ่งเป็นเลขที่ดีไม่เสียเลย แต่กลับเป็นหนี้
2. บางคนใช้ xxx-688xxx8 เอา "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" ไปวิเคราะห์ ว่าเขาต้องเป็นหนี้เป็นสินแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่า รายได้เขามีมาก
3. บางคนใช้เลขตามหลัก "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  ไม่มีเลขเงินรั่วแต่กลับเก็บเงินไม่อยู่
4. บางคนเปลี่ยนเบอร์ด้วย "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  แต่รายได้หรือยอดขายกับตกลง
5.บางคนเปลี่ยนเบอร์ด้วย "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  ตั้งใจเสริมเรื่องความรัก แต่กลับเป็นโสด
ฯลฯ

เพราะนี่เป็นคำถามหลังไมค์ที่มีคนเข้ามาถาม และประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยพบเจอ ซึ่งโดยความเชื่อส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่เชื่อว่า "เบอร์เดียวกันจะมีผลกับแต่ละคนเหมือนกัน" ซึ่งแต่ละคนจะได้รับผลข้างเคียงของตัวเลขที่ต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่า "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  จะอธิบายผิดนะ "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  อธิบายได้ถูกต้องครับ แต่ผลข้างเคียงของผู้ใช้ต่างหากที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
1.พ่อของพี่ที่ผมรู้จักท่านนึงมีเลข 02 ในตำแหน่งเบอร์ 7 ตัวท้าย ถ้าทำนายเรื่องการเงิน จะทายว่าเงินรั่วเก็บเงินไม่อยู่ แต่พ่อของพี่ท่านนี้กลับมีสินทรัพย์หลายล้านบาท คิดว่า "ศาสตร์พลังงานตัวเลข"  ทำนายผิดหรือ ? คำตอบคือ ป่าวครับ 02 ในเบอร์ท่านกลับส่งผลเรื่องสุขภาพมากกว่าการเงินครับ เพราะท่านเป็นโรคหัวใจ ซึ่ง 02 ให้โทษในเรื่องโรคภัยที่เกี่ยวกับทรวงอกครับ

2.พี่ที่รู้จักท่านนึงเป็นหมอ ใช้เลข xxx-688xxx8 "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" เบื้องต้นคือ "หาเก่งใช้เก่ง หมุนเงินไม่ทันอาจทำให้เป็นหนี้เป็นสิน" แต่ของท่านนี้ "หาเก่งใช้เก่ง มีเงินใช้หลายแสนบาท (บางทีอาจถึงหลักล้านต่อเดือน) แต่ไม่ค่อยเก็บเงินครับ" ก็ถือว่าการทำนายยังถูกอยู่

3.คนรู้จักท่านนึงใช้เลข xxx-5555xx5 "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" จะทำนายว่าเป็น คนขาดเสน่ห์ เชื่องช้า คิดมาก ตัดสินใจช้า อาจฝักใฝ่เขาวัดวาซึ่งก็จริงแค่ เชื่องช้า คิดมาก ตัดสินใจช้า แต่บุคคลท่านนี้กลับมีแฟนสาวสวย (จนผมอิจฉาเลย) และมักมีเพศตรงข้ามมาติดพันเขาเสมอๆ

ซึ่งตัวผมสรุปได้ว่า "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" ยังมีความถูกต้องอยู่ถึง 60-70% เลยทีเดียว แต่ยังไม่สามารถอธิบายผลข้างเคียงต่อผู้ใช้เบอร์นั้นๆได้

"จลนลัคน์ศาสตร์" ได้ให้คำอธิบายบางอย่างไว้เช่น กรณีผู้ใช้ 28 หรือ 82 โดยอธิบายไว้ว่า
1.บางคนใช้ 28 82 จะทำให้มีรายได้ก้อนใหญ่จากคู่ค้า หรือ รายได้จากการค้าขาย
2.บางคนที่ใช้ 28 82 จะต้องหมุนเงินก้อนใหญ่ โดยจะต้องกู้ยืมเงินมาลงทุนเท่านั้นถึงจะมีรายได้ที่ดี
3.บางคนที่ใช้ 28 82 จะต้องมีปัญหากับหุ้นส่วน
4.บางคนที่ใช้ 28 82 จะต้องมีปัญหากับลูกน้องบริวาร
5.บางคนใช้ 28 82 ก็จะได้รับมรดกจากญาติผู้ใหญ่ ไม่ก็รายได้ที่เพิ่มพูลขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ต้องใช้แรงมาก
6.บางคนใช้ 28 82 ก็จะต้องทำงานอย่างหนัก
ฯลฯ
**** กรณีของ 789 ก็คล้ายคลึงกัน ****


"จลนลัคน์ศาสตร์" จึงถูกนำมาใช้ร่วมกับ  "ศาสตร์พลังงานตัวเลข" เพื่อใช้การออกแบบเบอร์เฉพาะบุคคล ให้กับผู้ที่มาซื้อเบอร์กับ SIM 323 เพื่อที่ท่านจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งบางครั้งคุณอาจมีตัวเลขแปลกๆปนเข้าไปและรู้สึกไม่ค่อยชอบเลขนั้นๆด้วย ซึ่งหลายๆเลขจำเป็นต้องมีครับเพื่อที่จะส่งเสริมให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ขอแค่ข้อมูลที่ผมต้องการไม่คลาดเคลื่อน ท่านจะได้รับเบอร์ที่ถูกต้องแน่นอนครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการใช้เบอร์ที่ถูกต้องกับตัวท่านนะครับ

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การเลือกเลขส่งเสริมเรื่อง "การเงิน และ โชคลาภ" ของคนแต่ละลัคนาราศี


มีหลายๆครั้งที่ผม ได้วิเคราะห์เบอร์ให้ผู้คน ซึ่งหลายๆคนก็ใช่เลขที่ดีตามหลักการของการวางเบอร์มาตรฐานที่ถูกต้อง แต่เบอร์เหล่านั้นกลับไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้เลย (ทั้งๆที่ซื้อมาจากคนอื่นก็แพงนะ)...
บางครั้งเจอคนที่ไม่มีกลุ่มเลขการเงินเลย ก็มีรายได้ที่ดี ...บางครั้งเปลี่ยนเบอร์ให้บางคนไม่มีกลุ่มเลขโชคลาภแต่เขากลับถูกหวยบ่อยมากกว่าคนที่มีกลุ่มเลขโชคลาภ
ซึ่งบทความนี้ผมได้สรุปเลขไว้ให้ โดยใช้หลักการที่ผมให้ชื่อว่า "จลนลัคน์ศาสตร์" วิเคราะห์ออกมาเพื่อท่านผู้อ่านได้นำไปใช้ส่งเสริมการเงินและโชคลาภ ให้เอาเลขที่ผมนำเสนอต่อไปนี้ใส่ไปในเบอร์โทรของท่านตำแหน่งไหนก็ได้ใน 7 ตัวท้าย

1.หาลัคนาราศีของท่านจากเว็บ : http://tongzweb.com/lakana/ หรือ เว็บมหาหมอดู หรือ ดูจากแผนภาพนี้
หากท่านไม่ทราบเวลาแน่ชัด ต้องลองหาผู้มีความรู้ทางโหราศาสตร์มากเป็นพิเศษมาช่วยหาโดยการตรวจสอบจากเหตุการณ์

 2.เลือกเลขของท่านตามลัคนาราศีตามรูปนี้

ขอให้ทุกท่านโชคดีเรื่องโชคลาภและการเงินนะครับ

หมายเหตุ สิ่งนี้เกิดจากการสังเกตุของผมซึ่งอาจไปขัดกับหลักการของอาจารย์บางท่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อนะครับ

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กรรมที่ทำให้ต้องเดือดร้อนเรื่องการเงิน กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง


เขียนโดย ธ.ธรรมรักษ์ เมื่อ 7/6/2012



เหตุจากกรรมเก่า
 

คนที่มีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ อาจจะมาจากในอดีตชาตินั้นทำทานมาไม่ครบ ซึ่งหมายถึง เวลาในการทำทานนั้นยังมีจิตที่ตกอยู่ยังคงเสียดายทานที่ทำไป อย่างเช่น ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้นกลับรู้สึกเสียดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ตามจึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้ เช่น ไปลดปริมาณของลงเสีย ให้เหลือเพียงอย่างหรือสองอย่างไม่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ หรือลดคุณภาพวัตถุทานที่จะทำนั้นด้วยความเสียดายเป็นเหตุ

ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านได้เมตตากล่าวถึงการตั้งใจสร้างบุญหรือไปรับปากพระสงฆ์ แล้วไม่ได้ทำ หรือทำเกินที่รับปาก ที่จะมีผลต่อเรื่องเงินทองมาก โดยให้พิจารณาดังนี้

1.ทำน้อยกว่าที่ตั้งใจ เงินทองจะขาดมือบ่อย มักจะมีแต่ปัญหาการเงินตลอดเวลา คาดหวังว่าจะได้เงินมักจะพลาดไม่ได้ดังใจหวัง

2.ทำเท่ากับที่ตั้งใจ จะมีความสุขตามบุญที่ทำ เงินทองไม่ขาดมือ มีใช้แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บ ยังช่วยเหลือใครไม่ได้หรือช่วยได้แต่น้อยมาก

3.ทำมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ เงินทองจะมากมายเหลือกินเหลือใช้ โชคลาภเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆ ก็มีเงินทองเข้ามาและเป็นถูกต้องถูกธรรมด้วย และสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ตลอดเวลาเป็นบุญงอกที่งอกเงยทำให้คนผู้นั้นพบกับความสุขความเจริญ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้ใครอยากรวย อยากมีเงินก็ขอให้คิดเอาเองว่าจะทำบุญแบบไหนดีเมื่อได้ตั้งใจเอาไว้แล้ว

การที่เงินทองต้องขาดมือบ่อยๆ หมุนไม่ทันนั้นอีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานที่เอามาสร้างบุญนั้นไม่บริสุทธิ์อาจจะมีบาปเจือปน คือ วัตถุทานนั้นอาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นเงินมาจากการเล่นการพนัน เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย ทำลายชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่าไก่มาต้มข่าถวายพระ การไปเด็ดดอกไม้จากสวนเพื่อนบ้านโดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่งๆ กลางๆ ขาดๆ หายๆ เดี๋ยวก็มีเงินทองมาก พอผ่านไประยะเงินขาดมือหมุนไม่ทัน จะไปหยิบยืมใครเขาก็ยากเพราะไม่มีบุญเชื่อมกับเขาไว้พอ หรือเกิดความยากลำบากเจอกับอุปสรรคกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือดูถูกเอาด้วยซ้ำ คนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้ เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรคือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามานั่นเอง

เหตุจากกรรมใหม่ 

การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว เราต้องมาพิจารณาว่าเราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่ด้วย สิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์เพียงพอที่จะทำให้มีเงินทองใช้อย่างไม่ขาดมือหรือไม่ ถ้าดูแล้วว่ายังไม่พอ ยังไม่ถึงเหตุต้องเปลี่ยนกรรมของตนเสีย ทำให้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น เหมือนดังเราปลูกต้นมะม่วง หวังจะได้ผลมะม่วงที่สมบูรณ์ แต่เราขาดความเพียรทีจะไปรดน้ำ ใส่ปุ๋ย หมั่นกำจัดวัชพืช ปล่อยให้ต้นมะม่วงเติบโตไปตามเวรตามกรรม ผลมะม่วงที่ได้มานั้นคงไม่สมบูรณ์เท่ากับเราเอาใจใส่ดูแลอยู่เสมอ

ในการประกอบอาชีพ หากเรายังเป็นคนใจเร็ว ตัดสินพลาดในบางครั้งอาจจะทำให้ชวดโอกาสสำคัญ ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากบอกว่าไม่มีความรู้ความสามารถก็ต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้ เพื่อเอาความรู้นั้นมาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน

ยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็หันกลับด้านความคิดเสีย ให้ดูว่าของที่เราจะซื้อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ เมื่อซื้อแล้วทำให้เราต้องเงินขาดมือหรือไม่ ของที่จะซื้อรอได้อีกหรือไม่ พิจารณาให้ดี ๆ ส่วนหนึ่งที่เงินขาดมือมาจากการซื้อของโดยไม่คิดเน้นซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียมมากกว่าประโยชน์แท้

เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้วแต่ชอบซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ เป็นประจำ เปลี่ยนมือถือทุก 3 เดือนโดยเน้นเรื่องฟังก์ชั่นใช้งานให้หลากหลายอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์เอาไว้ติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลเท่านั้น คือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหันมาประหยัดเน้นประโยชน์แท้มากกว่าประโยชน์เทียม ยังเป็นคนไม่อดออม สุรุ่ยสุร่าย ออกไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน รายจ่ายมากกว่ารายได้ขาดปัญญาในการใช้เงิน อย่างนี้ก็ต้องมีปัญหาทางการเงินอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทางทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน

การแก้ไขในทางโลก

ทุกคนย่อมมีปัญหาเรื่องการหารายได้กันอยู่ทุกคน ยิ่งคนที่มีปัญหาครอบครัวปัญหาเรื่องเงินหนักอยู่แล้วต้องทำเป็นอย่างยิ่งอย่างน้อยให้ผลกรรมนั้นบรรเทาลง ใครที่เป็นหนี้เป็นสินคนอื่น ก็อย่าหลบ อย่าหนีให้ติดต่อเจ้าหนี้เขาเสีย ขอโทษเขาและขอโอกาสเขาที่จะแก้ตัว ขอผ่อนใช้เขาไปจะน้อยหรือมากก็ต้องทำ ถ้าทำไม่ได้อย่าไปรับปากส่งเดชจะทำให้เกิดกรรมใหม่ที่หนักกว่ากรรมเก่ายิ่งกว่าเดิมเป็นการสร้างรอยแผลและผูกแค้นให้กับเจ้าหนี้อีก

การแสดงความรับผิดชอบและจริงใจในการจะรับผิดชอบหนี้ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็จะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดต่อเจ้าหนี้ ให้เขาเกิดความเชื่อมั่นว่าคนเป็นลูกหนี้จะไม่เบี้ยวหรือหนีหายไปส่งผลให้กรรมทั้งหลายอาจคลายตัวให้เบาบางลง

นอกจากนั้นเรายังต้องพิจารณาตนเองให้สม่ำเสมอว่ายังเป็นคนที่หาเงินไม่คล่องหรือไม่ ถ้าเพราะเราไม่มีช่องทาง ไม่มีคนสนับสนุนก็ไปหาเสีย ไปเปิดประตูโอกาสด้วยตัวเอง นิสัยที่ชอบอวดตัว อวดเบ่งก็ควรจะลดลงบ้าง อย่าทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล หัดเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน คนอื่นเขาจะได้เมตตาช่วยเหลือได้ ยิ่งมีบุญร่วมกันมายิ่งง่าย เพียงอุทิศบุญ เพื่อเชื่อมบุญกับท่าน เขาจะรู้สึกได้ด้วยจิตและช่วยเหลือเราแน่นอน

การแก้ไขในทางกรรม

ทางแก้ไขในเรื่องนี้แบบเร่งด่วนให้ได้ผลทันใจนั้น ควรหมั่นทำทานเสียใหม่ประกอบไปด้วยทาน 3 อย่างที่เกิดบุญมากอย่างสม่ำเสมอคือ วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน

-วัตถุทาน ที่จะทำ เอาแบบที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหนให้ทำแบบนั้น อยากทำ 1บาท ก็ 1 บาท อยากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท อยากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่าไม่ต้องเสียดายชักเก็บเอาไว้ ในการทำทานทุกครั้งอย่าให้จิตตกไปพะวงว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาวัตถุทานหรือปัจจัยนั้นไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ คนทั่วไปแม้แต่ขอทานก็อย่าไปคิด เอาแบบให้แล้วให้เลยขาดกัน ยิ่งวัตถุทานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต้องใช้ในชีวิตของเราแต่เราเสียสละให้คนอื่นได้ จะยิ่งมีอานิสงส์มาก ดังในพุทธกาลที่คนยากจนมากๆ ถวายผ้านุ่ง ถวายข้าวก้อนสุดท้ายให้กับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยอานิสงส์แห่งบุญคนยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา

-ธรรมทาน คือ การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม เช่น ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่ง สอนวิชาช่างไปทำเป็นอาชีพได้ บอกทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ก็เป็นผู้นำบุญไปบอกไปเชิญชวนให้คนมาร่วมพิมพ์หนังสือ หรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น

-อภัยทาน เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด ทำลักษณะการทำนั้นทำได้ง่ายด้วยตัวเองไม่ต้องเสียเงินทอง แต่อภัยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย แต่ทว่ากลับทำได้ยากที่สุดในทานทั้งหมดเพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโกรธเคือง อาฆาตพยาบาท อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ ซึ่งถ้ามีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นหลักจะช่วยให้ง่ายขึ้นและสำเร็จได้แบบสบายๆ

การให้อภัยนั้นควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสียก่อน คือให้ละจากอารมณ์โกรธเคียดแค้นใด ๆให้ได้ก่อน แม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้ ขอให้คิดว่ากรรมใดๆ เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเราเคยไปสร้างกรรมเวรไว้กับเขาเมื่อถึงเวลาเขาก็ต้องมาเอาคืน เป็นการดีแล้วที่เราใช้หนี้เขาไปเสียจะได้ไม่ติดค้างกันอีกหมดสิ้นกันเสียที จากนั้นให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเขาเสียไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างผูกพันกันอีก

ต่อมาคือ ให้อภัยต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า ลูกค้า สัตว์เลี้ยง สรรพสัตว์ต่างๆ หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ จิตเราจะมีกำลังมาก ทำอะไรก็สำเร็จไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้ แต่ต้องให้อภัยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ และที่สำคัญพยายามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเราให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน

การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน ควรทำในทุกๆ วัน ยิ่งวันละหลายครั้งก็จะยิ่งดีขึ้นอย่างทันตาเห็นเคล็ดลับสำคัญคือ การทำทานให้เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก

เพราะยิ่งเกิดประโยชน์มากเท่าใด โชคลาภจะหลั่งไหลมาสู่ไม่ขาดสาย เงินทองจะไม่ขาดมือ ไม่มีขัดสน ด้วยอานิสงส์บุญที่ทำลงไป เช่น ร่วมสร้างถนน โรงพยาบาล ร่วมซื้อเครื่องมือแพทย์ สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สร้างมหาเจดีย์ โรงทาน เป็นต้น

เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้นให้อุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที พูดด้วยภาษาง่ายๆ ก็ได้ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้ ต้องระบุไปอย่างเจาะจงเลย หลายคนไม่บอกแบบเจาะจงว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร เจ้ากรรมนายเวรเขานึกว่าเป็นดอกเบี้ยกรรม เขาจึงเฉยๆ ไม่ถอนตัวออกไปเพราะเขาไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ จึงต้องบอกอย่างละเอียด

อีกทั้งต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ ซึ่งจะบอกให้ทราบว่าทุกคนมีเทวดาประจำตัวแน่นอนอย่างน้อย 2 ตนขึ้นไปและดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วย ท่านเหล่านี้มาจากคนที่รักเรา เมตตาเราอย่างจริงใจและมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ตายไปแล้วและอยู่ในภพภูมิอื่น ท่านยังเป็นห่วงจึงมาดูแลเราอยู่

เราต้องหมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่านเพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคงท่านจะรักและเมตตาเรามากขึ้นไปอีก ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม ไม่มีกรรมชั่วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น ส่งผลให้มีเงินทองไม่ขาดมือแน่นอน

การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน แล้วอุทิศบุญไปตามที่บอกไว้ ควรทำในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลแบบอัศจรรย์ พร้อมกับเปลี่ยนกรรมใหม่ให้ตรงกับผลที่อยากได้คือ อยากมีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ บอกได้คำเดียวว่า ใครทำ ใครก็รวยและยิ่งทำ ยิ่งมีเงินมากตามที่ปรารถนาทุกประการ

ที่มา : http://www.torthammarak.com/modules/smartsection/item.php?itemid=190

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีกรวดน้ำ (ที่ถูกต้อง)



การกรวดน้ำ คือ การตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วพร้อมทั้งรินน้ำให้ไหลลงไปที่พื้นดินหรือที่รองรับ แล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่งหรือรดที่โคนต้นไม้ก็ได้ เพื่อให้จำง่ายไม่สับสน จึงขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้

1. การกรวดน้ำมี 2 วิธี คือ

กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนมอธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้

2. การอุทิศผลบุญมี 2 วิธี คือ

อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น ชื่อพ่อ แม่ ลูก หรือใครก็ได้
อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆกันไป เช่น ญาติทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น ทางที่ถูกควรทำทั้งสองวิธี คือผู้ที่มีคุณหรือมีเวรต่อกันมาก เราก็ควรอุทิศเจาะจง ที่เหลือก็อุทิศรวมๆ

3. น้ำกรวด

ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสีและกลิ่น และเมื่อกรวดก็ควรรินลงในที่สะอาดและไปเทในที่สะอาด และที่สำคัญ อย่ารินลงกระโถนหรือที่สกปรก

4. น้ำเป็นสื่อ - ดินเป็นพยาน

การกรวดน้ำมิใช่จะอุทิศไปให้ผู้ตายกินน้ำ แต่ใช้น้ำเป็นสื่อและใช้แผ่นดินเป็นพยาน
ให้รับรู้ในการอุทิศส่วนบุญ

5. ควรกรวดน้ำตอนไหนดี ?

ควรกรวดน้ำทันทีในขณะที่พระอนุโมทนาหรือหลังทำบุญเสร็จ แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่า ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ

- ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที

- การรอไปกรวดที่บ้านหรือกรวดภายหลัง บางครั้งก็อาจลืมไป ผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย

6. ควรรินน้ำตอนไหน ?

ควรเริ่มรินน้ำพร้อมกับตั้งใจอุทิศ ในขณะที่พระผู้นำเริ่มสวดว่า “ยะถาวาริวะหาปูรา...”
และรินให้หมดเมือ่พระว่ามาถึง “…มะณิโชติระโส ยะถา...” พอพระทั้งหมดรับพร้อมกันว่า
“สัพพีติโย วิวัชชันตุ...” เราก็พนมมือรับพรท่านไปจนจบ จึงจะถือว่าถูกต้อง

7. ถ้ายังว่าบทกรวดน้ำไม่เสร็จ จะทำอย่างไร ?

ก็ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆหรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น “อิทัง โน ญาตีนังไหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขออุทิศส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ .... (ออกชื่อผู้ล่วงลับ) .... และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด”

หรือจะใช้แต่ภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ว่า “ขออุทิศส่วนบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนี้ จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณเจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ” ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว หรือกรวดในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้

ข้อสำคัญ ถ้าเป็นภาษาพระ ควรจะรู้คำแปลหรือความหมายด้วย ถ้าไม่รู้ความหมาย
ก็ควรใช้คำไทยอย่างเดียวดีกว่า เพราะป้องกันความโง่งมงายได้

8. อย่าทำน้ำสกปรกด้วยการเอานิ้วไปรอไว้

ควรรินให้ไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ และไม่ควรใช้วิธี เกาะตัวกันเป็นกลุ่มหรือเป็นทางเหมือนเล่นงูกินหาง ถ้าเป็นในงานพิธีต่างๆ ให้เจ้าภาพหรือประธาน รินน้ำกรวดเพียงคนเดียวหรือคู่เดียวก็พอ คนนอกนั้นก็พนมมือตั้งใจอุทิศไปให้

9. การทำบุญและอุทิศส่วนบุญ

ควรสำรวมจิตใจ อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน ปลูกศรัทธา ความเชื่อ
และความเลื่อมใสให้มั่นคงในจิตใจ ผลของบุญและการอุทิศส่วนบุญย่อมมีอานิสงค์มาก
ผลบุญที่เราอุทิศไปให้ ถ้าไม่มีใครมารับก็ยังคงเป็นของเราอยู่ครบถ้วน ไม่มีผู้ใดจะมาโกงหรือแย่งชิงไปได้เลย

10. บุญเป็นของกายสิทธิ์

ยิ่งให้ยิ่งมาก ยิ่งตระหนี่ยิ่งน้อย ยิ่งอุทิศให้คนอื่นหมดเลยเราก็ยิ่งจะได้บุญหมดเลย

ที่มา : http://board.palungjit.org/f8/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A3-567642.html

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีแก้กรรม/ลดกรรม ด้วยวิธีใส่บาตรให้ถูกวิธี โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์ ( หลวงพ่อจรัญ )


“ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ ( หลวงพ่อจรัญ ) ท่านแนะนำว่า …
ก่อนใส่บาตร…
ให้จุดธูป 3 ดอกกลางแจ้ง ขอขมากรรม โดย ตั้ง นะโม 3 จบ...แล้วกล่าวว่า...
"ข้าพเจ้าขอขมากรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวร ศัตรู หมู่มาร หมู่พาล ทุกภพทุกชาติ ขอให้อโหสิกรรม ให้ขาดจากกัน"

หลังใส่บาตรเสร็จ…
ทุกครั้ง ให้ ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า...
"กุศลที่ลูกได้ทำแล้ว ขอถวายแด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ นำส่งบุญให้ข้าพเจ้า มีเดช ปัญญา โภคะ ขอให้สมหวัง สมปรารถนาทุกเรื่อง ขอให้มีบุญบารมีเต็มขั้น เกิดสภาวะธรรม ตามบุญวาสนาที่ได้ทำมา จากทุกภพทุกชาติโดยเร็วเทอญ และ ขออุทิศให้ เจ้ากรรมนายเวร ทุกภพทุกชาติ (วิญญาณ) ศัตรูหมู่มารหมู่พาล (เช่น มนุษย์,หุ้นส่วน,เพื่อน,ในครอบครัว) ทุกภพทุกชาติ (เอ่ยชื่อได้ยิ่งดี) ขอให้อโหสิกรรม ขอให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้ เทอญ...ขอให้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้าพเจ้า..."

ถ้าทำบุญด้วยข้าวสารเป็นกระสอบ หรือ ถมทราย ดิน ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า …
 "ผลบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าร่ำรวย เหมือนเมล็ดข้าวสาร เม็ดทราย ดิน เจ้ากรรมนายเวร ตามเมล็ดข้าวสาร ตามเม็ดทรายดิน ขอให้ได้รับ และขอให้อโหสิกรรม หลุดขาดจากกัน ณ บัดนี้เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้ข้าพเจ้า มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง พบแต่ ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู..."

กรณีที่ดวงตกมาก
ขอให้แผ่บุญให้ตนเอง ให้มาก ๆ บางท่านก็แผ่ให้ผู้อื่น จนลืมให้ตัวเอง ตัวเราเอง ต้องมีบุญบารมี แก่กล้า จริง ๆ จึงจะช่วย และให้ผู้อื่นได้ ควรสวด อิติปิโส ฯ เลยอายุ 1 จบมีเวลาขอให้ไป ปฏิบัติธรรม ฝึกวิปัสสนาด้วย จะเกิดผลเร็ว โทสะจะน้อยลง ควรแผ่เมตตาให้มากๆ วันละ 10 – 30 ครั้ง การแผ่เมตตาที่ได้ผลนั้น ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ) แนะนำว่า...
 " ถ้าจะกรวดน้ำ ต้องกรวดน้ำลงดิน ทุกครั้ง วันละ 100 ครั้ง เจ้ากรรมนายเวรจะหาย 100 เท่า 100 วิญญาณ หรือ ใช้สมาธิกำหนดอธิษฐานจิต ด้วยความตั้งใจ ประกอบด้วยความมีสติ และสัมปชัญญะ แผ่เมตตาออกจาก ลิ้นปี่ แล้วอุทิศส่วนกุศล จากจักระ 6 หรือบริเวณตาที่สาม ที่กลางหน้าผาก ต่ำลงเล็กน้อย จะได้ผลมากขึ้น อุทิศบุญ ใช้กับผู้ตาย นำส่งบุญ ใช้กับผู้ยังมีชีวิตอยู่ ถวายบุญกุศล ใช้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก้กรรมให้ตนเองได้ผลดีเร็วขึ้น.. "

วิบากกรรมของแต่ละคน ล้วนแตกต่างกันไป บางคนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนตกงานบ่อย บางคนลำบากมาก หากินไม่คล่อง บางคนลูกเกเร วิบากกรรมนี้ ตามมาหลายภพหลายชาติ ซึ่งมีส่วนทำให้เรา เกิดมาแตกต่างกัน แต่ อย่าเพิ่งสิ้นหวัง หนทางในการบรรเทาวิบากกรรมนั้นมี ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี ดังนี้
เวลาที่เราทำบุญ หรือทำความดีทุกครั้ง นอกจากบุญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น การใส่บาตร การถือศีล ฯลฯ แล้วการพูดคุยที่ช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ การสนทนาธรรม การให้ธรรมทาน การร่วมบริจาค หนังสือธรรมะ ชี้แนะแนวทาง แก้ไขปัญหาชีวิต ให้กับผู้สิ้นหวัง การทำความสะอาดห้องพระ การถวายน้ำเปล่าเพียง 1 แก้ว ให้กับหิ้งพระพุทธฯ การร่วมอนุโมทนา การทำความดีของผู้อื่น โดยการใช้ จิตน้อมไปทางบุญกุศล การกวาดใบไม้ ทำสวน ทำความสะอาด ห้องน้ำ หรือของส่วนรวม การดูแลคนแก่ เด็ก การที่เรามีจิตใจดี หรือตั้งใจดี ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นกุศล และเป็นบุญทั้งสิ้น

ให้ ตั้ง นะโม 3 จบ …
" ข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว) นามสกุล เกิดวันที่ วันนี้ ข้าพเจ้าขอตั้งจิต ถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก รวมถึง องค์เทพ องค์พรหม ที่ปกปักรักษากายสังขารวิญญาณลูกอยู่ วันนี้ลูกตั้งจิตถวาย (บุญที่ทำ เช่นใส่บาตร ถือศีล สวดมนต์ ให้ทาน ฯลฯ) ลูกขอถวายบุญกุศลนี้ แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ นำส่งบุญให้ลูกเจริญขึ้น ทั้งการงานการเงิน และความรัก ให้ลูกมีเดช ปัญญาโภคะ (ความสมบูรณ์) ทุกภพทุกชาติ และขออุทิศบุญกุศลนี้ ให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ รวมถึงวิญญาณที่ตามมา ทุกผู้ทุกคน ศัตรูหมู่มารหรือหมู่พาล คือมนุษย์ เช่น บริวาร ญาติมิตร คนรับใช้ สามี บุตร ธิดา ทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้รับมหากุศลนี้ รับแล้วขอให้อโหสิกรรม ซึ่งกันและกัน ให้ขาดจากกัน ณ.เดี๋ยวนี้บัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้า มีบุญบารมีสูงขึ้นๆ เต็มขึ้น เพื่อช่วยสังคมให้สูงขึ้น และสร้างคนให้เป็นพระต่อไป และให้เกิด ปัญญาทางธรรม สมบูรณ์พูนผลทุกอย่าง ด้วยบุญที่ทำนี้เทอญ สาธุ.."

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มาทำความรู้จักกับความหมายและตัวแทนของเลข 0 - 9 ในเบอร์โทรศัพท์กัน


เลข 1 ตัวแทน พระอาทิตย์ (ธาตุไฟ) ตัวแทนความเป็นผู้นำ ชื่อเสียง ความโดดเด่น เชื่อมั่นตนเองสูง


เลข 2 ตัวแทน พระจันทร์ (ธาตุดิน) ความเป็นผู้หญิง ความนุ่มนวล ความอ่อนโยน จินตนาการ เพ้อฝัน


เลข 3 ตัวแทน ดาวอังคาร (ธาตุลม) ความเป็นผู้ชาย การต่อสู้ ความกล้าหาญ มุทะลุ


เลข 4 ตัวแทน ดาวพุธ (ธาตุน้ำ) ตัวแทนแห่งการติดต่อสื่อสาร คำพูด การเจรจา นักการค้าผู้ที่แสนชาญฉลาด


เลข 5 ตัวแทน ดาวพฤหัสบดี (ธาตุดิน) ตัวแทนแห่งสติปัญญา ความคิด ความรู้ ปัญญาธรรมะ ความยุติธรรม


เลข 6 ตัวแทน ดาวศุกร์ (ธาตุน้ำ) ตัวแทนแห่งความสุข การเงิน ความรัก ความสวยงาม กิเลส รสนิยมสูงฟุ้งเฟ้อ


เลข 7 ตัวแทน ดาวเสาร์ (ธาตุไฟ) ตัวแทนแห่งความอดทน ความเครียด แบกภาระ ทุกข์ยาก


เลข 8 ตัวแทน ดาวราหู (ธาตุลม) ตัวแทนแห่งความเป็นนักเลง ดาวแห่งการเสี่ยงโชคและโชคลาภ มัวเมาอบายมุข มีเล่ห์เหลี่ยม กล้าได้กล้าเสีย ชอบของมึนเมา


เลข 9 ตัวแทน พระเกตุ (วิญญาณธาตุ) ตัวแทนแห่ง จิตวิญญาณ ศาสนา ไสยศาสตร์ โบราณ อีกด้านคือความทันสมัย คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี เลขตัวนี้ไปจับคู่กับใครก็จะดึงด้านบวกของเลขที่มันจับคู่ออกมา


เลข 0 ตัวแทน ดาวมฤตยู (วิญญาณธาตุ) ตัวแทน การเริ่มต้นใหม่ ความลับ สิ่งลึกลับ ความเจ็บป่วย การสูญเสีย ความตาย เลขตัวนี้ไปจับกับใครก็จะดึงแต่ข้อเสียของเลขที่มันไปจับ (ไม่ควรมีอย่างยิ่งใน 7 ตัวท้ายของเบอร์โทรศัพท์)

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีปฏิบัติเพื่อส่งเสริมเรื่อง โชคลาภ การเงิน (ให้ปัง!) หลังเปลี่ยนเบอร์ (คนไม่เปลี่ยนเบอร์ก็ทำได้นะ)



เรื่องที่จะแบ่งปันนี้ คือสิ่งที่ผมได้ทดลองมากับตัวตอนช่วงการเงินแย่ๆและว่างงานอยู่ (ยังไม่รู้ศาสตร์ตัวเลขด้วย)...ตอนนั้นต่อเนื่องอยู่ 2 เดือน กลับสามารถพลิกฟื้นให้การเงินคล่องตัวขึ้นและได้งานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งผมต้องขอยกความดีความชอบให้กับหนังสือ The Meta Secret (สุดยอดเดอะซีเคร็ต) ผมแค่ดึงกฏในหนังสือมาแค่ 1 ข้อเท่านั้นเอง โดยใช้วิธีทางพุทธศาสนา ชีวิตก็ดีขึ้นมากเลย มาเล่าวิธีการปฏิบัติกันเลย

1. ตื่นขึ้นมาสวดมนต์ตอนเช้า ระหว่างช่วงเวลา 4.00 น. - 6.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ได้ผลจากการสวดมนต์มากที่สุด จะสวดช่วงอื่นก็ได้ครับ แต่ได้พลังไม่มากเท่าช่วงนี้
2. สวดมนต์ บททำวัตรเช้า หรือ บทสวดมนต์ประจำวันก็ได้ครับ แต่ให้เพิ่มบทสวด บทสวด ระตะนะสุตตัง (รัตนสูตร) , กรณียเมตตสูตร , ธัมมจักกัปปวัตนสูตร , บทขอขมากรรม และ บทแผ่เมตตา
3. ใส่บาตร ครับ โดยก่อนใส่บาตร ให้สวด คาถาเงินล้าน 9 จบ ก่อนครับ
4. กรวดน้ำลงบนดินใต้ต้นไม้ โดยอาจกล่าวว่า "ด้วยบุญนี้ข้าพเจ้าถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ทุกพุทธกาล ด้วยบุญขอส่งไปยังที่ทำการประชุมใหญ่พระแม่ธรณี ขอพระแม่ธรณีเป็นทิพยพยานให้บุญนี้ ขอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 โปรดนำบุญนี้ส่งไปยัง ...(บุคคลที่เราต้องการอุทิศบุญให้ และเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ)..."

ทำ 4 ข้อนี้ครบต่อเนื่อง 1 - 3 เดือน คุณจะเริ่มรู้สึกอะไรบ้างอย่างแล้วครับ ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆชีวิตคุณก็จะดีขึ้นกว่าเก่าแน่นอนครับ

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

ในศาสตร์ตัวเลขเบอร์มือถือ ผลรวม มีผลต่อผู้ใช้หรือไม่?


      สิ่งที่ผมมักพบเจอในเวลาเปลี่ยนเบอร์มือถือให้ผู้คน สิ่งที่เขามักจะถามกันคือ ผลรวมเท่าไหร่ ? ผลรวมดีรึป่าว? ผลรวมไม่ดีไม่กล้าใช้!  ซึ่งผมต้องชี้แจงเรื่องนี้หลายครั้ง ขอเล่าประสบการณ์ที่ผมพบเจอเลยละกันครับ
     ก่อนหน้าที่ผมจะมาทำตรงนี้ ผมเริ่มจากสนใจเลขผลรวมก่อนครับ เนื่องจากผมเคยเจอพี่ท่านนึงเอา App ตรวจสอบความเป็นมงคลเบอร์โทรศัพท์ โดยดูผลรวมแล้วทำนาย ซึ่งเบอร์เก่าผมใช้มา 10 กว่าปีผลรวม 46 ซึ่งมงคล แต่ใช้ผลรวม 46 ทำงานก็หนักแปลกทำไมได้ผลลัพธ์ต่ำจังเลย ต้องทำงานเหนื่อยกว่าคนอื่น 5-10 เท่ากว่าจะมีรายได้เท่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน...หาเบอร์ที่มีผลรวม 54 มาใช้ ในใจคิดว่าสุดยอดชีวิตเราต้องรวยแน่ๆ 555+ ใช้แล้วก็เหมือนๆเดิม ไม่ค่อยมีตังค์เหมือนเดิม กลางๆเดือนก็มีปัญหาการเงินเหมือนเดิม สงสัยเบอร์โทรจะไม่เกี่ยว
    จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเข้าเว็บไซท์หนึ่ง มีคนมาตั้งกระทู้รับดูดวงจากเบอร์มือถือ โดยมีข้อแม้ ขอเบอร์ที่ใช้ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ผมก็ส่งเบอร์ที่ ผลรวม 46 ไปให้ดู ผมว่าต้องทำนายออกมาดีเหมือนทุกเว็บแหละ อีกอย่างหมอดูดูดวงผมไม่แม่นเลย แต่ปรากฏว่า "คำทำนายถูกครับ" ผมงงมากเลยต้องทำการศึกษา หาข้อมูล ว่าทำไมถึงถูก

   พอผมได้ข้อมูลมา ก็เลยเปลี่ยนเบอร์ให้ตัวเองครับ ทิ้งเลยผลรวม 46 กับ 54 ผลรวม 46 ของผมข้อเสียคือทำงานหนักผลตอบแทนน้อย ผลรวม 54 เงินรั่ว พอเปลี่ยนเบอร์ตัวเองกลับพบว่าหลายๆอย่างในชีวิตลื่นไหลขึ้น ดีกว่าแต่ก่อนมาก ก็เลยไล่ทำนายชาวบ้าน ทำนายคนรู้จัก โดยเขียน app ที่มีคำทำนายทั้งผลรวม และดูเลขเป็นคู่ๆ ไล่ทายไปเรื่อยๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อย พบว่า " ผลรวมดี แต่เลขข้างในไม่ดี ชีวิตก็เป็นตามเลขในเบอร์ "
   ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจ 100% นะ จนมาเจอพี่ท่านนึง ผลรวม 36 เขาข้างในมีทั้ง 76 ,72 แล้วพอส่งคำทำนายทั้งหมดไป เฉพาะเลขเป็นคู่ๆนะ เขาตอบว่า ตรงทุกบรรทัด
  หลังจากนั้นผมก็เลยเลิกเชื่อผลรวมโดยเด็ดขาดเลย...
  ผมไม่ขอให้คุณเชื่อผม ขอให้คุณเอาข้อมูลในบทความผมไปดูคนรอบข้างที่ผลรวมดี ว่าเลขกลุ่มที่มีปัญหาตรงกับปัญหาเขาหรือไม่ เรื่องนี้คุณต้องพิสูจน์เอง...

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขั้นตอนการเปิดเบอร์ และ หลังเปิดเบอร์

สำหรับท่านที่หาเบอร์ที่เหมาะสมกับตัวท่านมาได้แล้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแด่ตัวท่านเองท่านควรที่จะทำบุญทำทานเพื่อที่ท่านจะได้มีชีวิตเจริญยิ่งๆขึ้นไป

ขั้นตอนการเปิดเบอร์มีดังต่อไปนี้


1. เลือกทำบุญ เช่น
   - บริจาคโลงศพ 1 โลง
   -  หรือ บริจาคเงินให้องค์กรการกุศล 300-500 บาท
   - หรือ ใส่บาตรพระหรือเณร 6 รูป
   - หรือ ถวายสังฆทาน
2. กรวดน้ำลงภาชนะที่ใช้รองน้ำ ก่อนนำไปเทลงบนแผ่นดิน โดย ตั้งนะโม 3 จบ และกล่าวง่ายๆดังนี้ 
   "ด้วยเดชแห่งบุญนี้ ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา ทุกพุทธกาล และขอส่งบุญนี้ไปยังที่ทำการประชุมใหญ่พระแม่ธรณี ขอพระแม่ธรณีเป็นทิพย์พยานในการบุญครั้งนี้ ขอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 โปรดนำข่าวบุญกุศลครั้งนี้ไปแจ้งแด่
    1. เทวดาประจำตัว
    2.ครูบาอาจารย์ทางโหราศาสตร์ที่เป็นสัมมาทิฏฐิทุกท่าน
    3.เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองดูแลประเทศไทย อันได้แก่ พระสยามเทวธิราช พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี พระหอ-กลอง พระเจตคุปภ์ โดยมีพระแก้วมรกตเป็นประธานเป็นที่สุด

    4. ผู้แนะนำให้เปลี่ยนเบอร์ เช่น ...(ใส่ชื่อผู้แนะนำ ในที่นี้ คือ คุณตรินัยน์ จันทร์คง)
    5.เจ้ากรรมนายเวรที่ปรากฏในเบอร์เก่าของข้าพเจ้า ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตามขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรมๆและอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วย

    6.จิตวิญญาณนักรบทั้งหลายที่ตายบนผืนแผ่นดินไทย ขอให้ท่านรับบุญนี้นี้แล้วคลายความยึดมั่ยถือมั่นและไปสู่สุขคติด้วยเทอญ"

3. คำอธิฐาน "ด้วยเดชแห่งบุญนี้ขอให้กายสังขารนี้เปิดรับแต่ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ สรรพมงคลทั้งหลายอันเกิดจากพระรัตนตรัย และพลังงานที่ดีจากเบอร์...(แจ้งเบอร์ที่จะใช้ทั้งหมด)... โดยขอให้เบอร์เหล่านี้ส่งเสริมให้ข้าพเจ้า...(ชื่อเจ้าของ)...ได้...(เรื่องที่ต้องการ)...ด้วยเทอญ 


หลังเปิดเบอร์
อันนี้ผมเพิ่มเติมขึ้นมานะครับ เพราะผมสังเกตุเห็นว่ามีเบอร์ที่ดีและเป็นมงคลกลับเข้ามาอยู่ในระบบของเครือข่ายมือถือเรื่อยๆ เพราะ เมื่อใช้เบอร์ดี เบอร์มงคล ซักระยะนึงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดีขึ้น ก็เกิดการชะล่าใจ ไม่สนใจบุญกุศล ดังนั้นเมื่อบุญเริ่มหมด ก็จะต้องปิดเบอร์หนีหนี้บ้าง ปิดเบอร์หนีคนบ้าง ดังนั้นผมจึงขอเพิ่มส่วนนี้เข้ามา
   1. ควรทำบุญ ทำทาน อย่างน้อยๆ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
   2. ทานมังสวิรัติ สัปดาห์ละ 1 วัน

หมายเหตุ หากท่านที่ต้องการหาเบอร์มือถือด้วยตนเอง และยังหายากอยู่ แนะนำให้หมั่นทำบุญ และทานมังสวิรัติ เรื่อยๆจนกว่าจะได้เบอร์ที่ต้องการนะครับ

บทความที่ได้รับความนิยม